“น้ำตาล” เปิดใจเคียงข้าง “ปราง” วันที่เพื่อนใจเซ พร้อมอัปเดตเรื่องรัก 10 ปีเลื่อนวิวาห์

พิสูจน์ฝีมือการแสดงมานานัปการบทบาทแล้ว สำหรับนางเอกสาว น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ ไม่ว่าคาแร็กเตอร์ที่ได้รับจะท้าทายความสามารถแค่ไหน เจ้าตัวก็พร้อมทุ่มหมดตัว เพื่อทำผลงานออกมาให้ดีเยี่ยมที่สุด อย่างล่าสุดกับบท บลารี สาวสมัยใหม่ดวงดี มีความสามารถแต่งหน้าแปลงโฉม ในละครสนุกสนานครบรส สายลับลิปกลอส ทางช่อง 3HD ตามติดคู่ดารานำชายในดวงใจ บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ เป็นครั้งแรก

แถมยังได้กลับมาร่วมงานกับเพื่อนซี้ ปราง-กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล อีกที ซึ่งถ้าใครไม่ค่อยได้ติดตามทั้งสอง ก็อาจไม่ทราบว่าสองสาวนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่แวดวงบันเทิง จับมือผ่านเรื่องราวทั้งทุกข์และสุขมามากมาย ถึงแม้ในวันที่เพื่อนรักต้องการกำลังใจที่สุด ทั้งสองก็พร้อมซัพพอร์ตและอยู่เคียงคู่กันเสมอ

เมื่อ ได้โอกาสได้พูดคุยกับ น้ำตาล เลยต้องให้เล่าถึงความสนุกสนานของละครเรื่องนี้ พร้อมด้วยย้อนจุดเริ่มความสนิทกับเพื่อนซี้ ปราง กัญญ์ณรัณ และก็อัปเดตความรัก กับผู้แสดงรุ่นพี่ ไผ่ พาทิศ ที่คบหาดูใจกันมานาน 10 ปีแล้ว เมื่อไหร่จะมีโมเมนต์หวานคล้องแขนเข้าประตูสมรสสักที

สายลับลิปกลอส ละครตลกขบขันครบรส

“มีพระนางทั้ง 3 คู่ มีตาลกับพี่บอย ปกรณ์ และก็มีพี่ปั้นจั่น ปรมะ กับ ปราง กัญญ์ณรัณ และก็มีน้องก๊อต อิทธิพัทธ์ กับน้องมายด์ ลภัสลัล ซึ่งแต่ละคนจะได้แยกกันไปสืบภารกิจของตัวเอง คู่นั้นก็ไปสืบเรื่องนี้ คู่นี้ก็ไปสืบเรื่องนี้ แต่ที่จริงแล้วคือมีเรื่องราวรวมกัน ส่วนตาลทำงานเป็นพนักงานบัญชี เรามีอาชีพเสริมเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ เราก็จะรีวิวอะไรของเราไปเรื่อย แล้วเราดันเป็นสายครีเอทีฟ จะไม่ขายของและจะไม่รีวิวแบบธรรมดา ทำให้บางคอนเทนต์มีเด็กเอาไปทำตาม แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการของเราเอง คิดว่าตรวจสอบดีแล้ว เราไม่ทันคิดว่าบางทีคอนเทนต์มันอาจจะเป็นดาบสองคม”

“ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องออกจากงาน เราก็เลยต้องมาทำบิวตี้บล็อกเกอร์เต็มตัว ที่สำคัญเราไปสมัครเป็นดาวไลน์ในบริษัทเครื่องสำอาง เพื่อจะหารายได้เข้ามา ทำให้ได้เจอกับพระเอก แล้วก็เข้าไปอยู่ในแก๊งสายลับ หน้าที่ของเราก็คือ ทุกคนจะมีสกีลเป็นของตัวเองในแต่ละอย่าง บางคนเก่งไอที บางคนเก่งปลอมตัว หรือประดิษฐ์อุปกรณ์ต่างๆ ให้มันมีความพิเศษทันสมัยมากยิ่งขึ้น แต่เราเข้าไปในฐานะที่เราไปแปลงโฉมให้เขา เวลาเขาไปสืบราชการลับต่างๆ เราก็เลยใช้ความวสามารถในการแต่งหน้า ทำผม เปลี่ยนลุคให้แก๊งสายลับค่ะ”

น้ำตาล ปราง

น้ำตาล พิจักขณา เล่นละครกับเพื่อนซี้ ปราง กัญญ์ณรัณ

“ตอนแรกคือเศร้ามาก เล่นมาตั้งนานไม่เจอเพื่อนสักที เพราะแต่ละคู่ต้องไปเริ่มต้นจากปมของตัวเองก่อน วงกลมนี้มันจะค่อยๆ แคบเข้ามาเรื่อยๆ แล้วเราถึงจะค่อยๆ เจอกันตอนท้ายๆ แต่ว่าตอนท้ายๆ สนุกมาก แล้วปรางมันต้องเจอคนบ้าๆ อย่างตาล ปรางปกติคนจะนึกหน้านางออก นางก็จะเป็นแบบ ค่ะ ค่ะ

แต่ที่จริงปรางมันเป็นคนตลก ถ้าใครแบบเจาะเปลือกนางได้นิดเดียวนะ นางเป็นคนให้ใจ ซีนเมา ซีนรั่ว นางเต็มที่มาก แล้วยิ่งอยู่กับพี่ปั้นที่นางสนิทอยู่แล้ว นางก็แบบ โอ้โห เต็มที่ แต่ก็อย่างที่บอก เพราะต้องมาเจอพี่บอยกับพี่ปั้นจั่น สองคนนี้ก็จะฮากันตลอดเวลา เราก็จะมองหน้าปรางเพื่อไม่ให้หลุด สายตาแบบว่า โอเค เธอโฟกัสฉัน ฉันโฟกัสเธอนะ เราจะไม่ไปมองสองคนนั้นเด็ดขาด”

เคมีเดียวกัน คุยกันแล้วคลิก

“บรอดคาซท์เหมือนบ้านหลังที่สอง อยู่ด้วยกันมานานเป็น 10 ปีแล้ว ถือเป็นเพื่อนในวงการคนแรกๆ ที่เรารู้จัก และตาลกับปรางต่างกันสุดขั้วแทบจะทุกเรื่อง คือปรางจะเป็นผู้หญิง มีความรักสวยรักงาม เราจะเป็นฟิวเด็กผู้ชาย โตมาตามท้องไร่ท้องนา แล้วก็จะมีความไม่ค่อยเข้าใจว่าผู้หญิงที่ต้องมาเป็นนักแสดง เขาจะต้องดูแลตัวเองขนาดไหน

ปรางจะคอยแนะนำว่า เฮ้ย มีกินนี่สิ ไม่นวดหน้า ทรีตเมนต์บ้างนะ หรือใช้กันแดดแบบนี้ทำแบบนั้น เราก็ได้เรียนรู้จากเขา พอเรามาอยู่ในค่ายเดียวกัน ทำให้เวลาไปงานต่างจังหวัด หรือไปถ่ายละครก็จะนอนด้วยกันตลอด”

“ช่วงนั้นปรางเอ็นมือฉีก เราต้องไปต่างจังหวัดกัน ก็ดูแลกันตลอดค่ะ แล้วปรางตกบันได ความกลัวว่าเพื่อนจะเจ็บก็เลยดึงเพื่อนขึ้นมาเพื่อที่จะกอดเพื่อนไว้ แต่กลายเป็นดึงเพื่อนตกบันได้ไปด้วยกันทั้งคู่ มันก็เหมือนผ่านความเป็นความตายด้วยกันมาค่อยข้างเยอะ เราอยู่ด้วยกันแทบจะทุกช่วงของชีวิต บางคนอาจจะเห็นว่าตาลกับปรางไม่ค่อยโพสต์โซเชียลลงรูปด้วยกันบ่อยๆ แต่ที่จริงเราเจอกันบ่อย เพราะว่าเราทำบริษัท ทำธุรกิจด้วยกัน แล้วธุรกิจตัวนี้ก็เป็นเรื่องที่เราคุยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าถ้าเราจะทำอะไรเราจะทำด้วยกันนะ”

“ถ้าตาลทำธุรกิจคนเดียวก็เจ๊ง เพราะตาลเป็นคนที่ค่อนข้างจะยอม ตาลไม่มีความเป๊ะ ปรางเขาจะมีฉายาว่า ปรางเป๊ะ คือเขาเป็นคนที่เป๊ะมาก ออกงานเขาก็เป๊ะตั้งแต่หน้าผมจรดเท้า เรื่องสคริปอะไรอย่างแบบนี้ไว้ใจปรางได้เลย เขาจะมีความเป๊ะทุกอย่าง ทีมงานลูกน้องก็จะกลัวๆ แต่ตาลเป็นแนวบ้าๆ บอๆ อย่างนี้อะค่ะ”

เพื่อนใจเซ พวกเราก็เทกำลังใจให้

“ตาลกับปรางจะเป็นเหมือนกัน แค่แบบว่า เอ้ย แกโอเคมั้ย ส่งข้อความไปทิ้งไว้ให้ เออ เป็นกำลังใจให้นะ อะไรแค่นี้ แต่จะไม่เคยไปซักถามเพื่อนว่า เฮ้ย มึงโอเคป่าว มึงเป็นยังไง ทำไมมันถึงต้องเป็นแบบนี้วะ แต่ตาลพร้อมเป็นเครื่องด่าให้เพื่อนได้เสมอ ถ้าเพื่อนต้องการ พร้อมลุยให้เพื่อนได้เสมอ ถ้าเพื่อนต้องการ”

“ปรางจะเป็นคนค่อนข้างระวังตัวเอง แต่ถ้าใครรู้จักปรางแล้ว ปรางไม่มีอะไร บางทีมาคุยกับตาล มึงทำไมคนคิดว่าเราเป็นคนหยิ่งวะ ทำไมคนคิดว่าเราเข้าถึงยาก ตาลบอกก็ดูหน้าดิ ที่จริงปรางมันเป็นคนแบบไม่รู้จะพูดอะไร แต่ที่จริงแล้วขอแค่เปิด เธอๆ ชื่ออะไรอะ และหลังจากนั้นปรางมันก็จะยาวเลย ขอแค่คนเปิดก่อนแค่นั้น”

“ปรางเป็นเพื่อนคู่คิด แล้วก็มีความรู้สึกว่าสบายใจ เล่าที่นั่นจบที่นั่น จะไม่มีการไปต่อ คือความลับก็เป็นความลับ เพื่อนมันจะมีคนที่สนิท และก็สนิทกว่า และก็สนิทต่อไป แต่สำหรับตาล ปรางอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในโลก เรามีความรู้สึกว่า เราสบายใจที่ได้พูดได้คุยอะไรกับเขา อย่างที่บอกกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ตาลกับปรางผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ เราเริ่มต้นมาแทบจะพร้อมๆ กัน ทำให้เราเห็นการเติมโตซึ่งกันและกัน และค่อนข้างที่จะเข้าอกเข้าใจกัน”

“เอาจริงๆ คือเราเองพอจะทราบมาอยู่แล้ว แต่วันที่เป็นข่าวตาลไม่ได้ส่งข้อความไปตอนนั้นเลย คือรอสักพักนึงก่อนตาลจะเอาเรื่องงานเข้าเปิดก่อน ถ้ามันตอบได้แสดงว่าสามารถพูดคุยได้อยู่ เราจะทำเป็นส่งเรื่องงานไปถาม เรื่องนี้ยังไงอะเพื่อน เราจะทำอันนี้มั้ย ทำตัวนี้มั้ย พอมันตอบกลับมาแล้วเราก็ เออ แล้วตอนนี้โทรได้มั้ย เอ้ย โทรได้ๆ แล้วพอเราโทรไปฟังน้ำเสียงแล้วยังโอเคอยู่ เขาอยู่ในจุดนี้มาสักพักนึงแล้ว เพียงแต่ว่ามันเพิ่งจะมาเป็นข่าว อาจจะมีความลำบากใจที่จะออกมาพูด แค่นั้นเอง แต่หลังบ้านเขาเคลียร์กันจบหมดแล้ว และพูดคุยกันค่อนข้างที่จะเข้าใจ เพราะต่างฝ่ายก็ต่างเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ และก็น่ารักทั้งคู่ค่ะ”

“เข้มแข็งนะคะ ปรางถือว่าเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เรารู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่สู้ แล้วเวลาสู้คือเขาสู้สุดใจในทุกๆ อย่าง ทำงานเขาก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ทำธุรกิจเขาก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะพาธุรกิจให้รอด ต่อให้เราจะเจอสถานการณ์โควิด จะเจอสถานการณ์ที่คนไม่เชื่อมั่นในเรื่องของอาหารเสริม เราก็พยายามจะพาทุกคนไปให้รอด เพราะเราแบกลูกน้องไว้อยู่ข้างหลัง รวมถึงในเรื่องความรัก ตาลก็เชื่อว่าเขาทั้งสองคนต้องเต็มที่ถึงที่สุดอยู่แล้ว แล้วตาลก็ยังชื่นชมทั้งสองคนอยู่เสมอค่ะ ตาลยังรู้สึกภูมิใจในความเป็นปรางจนทุกวันนี้”

ความรักกับ ไผ่ 10 ปี

“ก็ดีค่ะ เรื่อยๆ ด้วยความที่มัน 10 ปีแล้ว ทุกคนก็จะเป็นแบบนี้ พอยังไม่เป็นแฟนก็เป็นแฟนหรือยัง พอเป็นแฟนแล้วก็เมื่อไหร่จะแต่งงาน พอแต่งงานแล้วเมื่อไหร่จะมีลูก คือสเต็ปมันก็เป็นอย่างนี้ แต่คิดว่าคนน่าจะเบื่อกับตาลแล้ว ว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ ตาลคงตอบไม่ได้ ณ เวลานี้ เพราะถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ก่อนจะมีโควิดเราค่อนข้างจะมั่นใจ มันน่าจะอยู่ภายใน อายุ 30-33 ตอนนี้ตาล 30 แล้วค่ะ(หัวเราะ) มันได้ผ่านจุดนั้นมาแล้วค่ะคุณผู้ชม”

คือโควิดมันร้าย มันพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเรา ถ้าไม่มีโควิดชีวิตเราน่าจะลงตัวได้ดีกว่านี้ คืดตาลค่อนข้างที่จะมีสเต็ปชีวิตที่ค่อนข้างแน่นอน และเราก็ดำเนินชีวิตมาตามสเต็ป ค่อยๆ เขยิบมาทีละนิดๆ ตามนั้น เรียนจบทำธุรกิจ และสเต็ปต่อไปคือการแต่งงาน แต่พอเรียนจบเริ่มทำธุรกิจปุ๊บ โควิดมา 3 ปีเลย แล้วมันดันเป็น 3 ปีที่เราเอาเงินไปจมกับธุรกิจ”

“ที่ผ่านมาพวกเราแทบจะไม่มีงานกันเลย เหมือนเราต้องเอาเงินเก็บมาใช้ ชีวิตความมั่นคงก็ค่อยๆ ถอยห่างเราไปทุกที อยู่ๆ จะให้เรามารู้สึกว่า โอเค โควิดหายแล้ว ชีวิตกลับมาเป็นปกติแล้วแต่งงานกัน มันไม่ใช่ เพราะว่าสำหรับหนูการแต่งงานมันหมายความว่า เราพร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่แล้วนะ จะไม่ได้เป็นแค่ฉันกับเธอแล้ว เราจะต้องรวมกัน แล้วทีนี้ตาลยังมีภาระหน้าที่ที่ตาลยังต้องรับผิดชอบ เรายังเอาตัวเองไม่รอดเลย แล้วเราจะเอาชีวิตที่มีปัญหารุมเร้าไปฝากกับเขาไว้หรอ มันค่อนข้างจะเห็นแก่ตัวไปนิดนึง ซึ่งที่จริงเขาก็พร้อมแล้วแหละ เพราะทุกวันนี้เขาก็บอกตาลว่า เนี่ยไม่ได้ไปงานแต่งงานเพื่อนแล้วนะ ทุกวันนี้ไปงานวันเกิดลูกเพื่อน(หัวเราะ) แต่เขาค่อนข้างที่จะเข้าใจ เพราะตาลเป็นผู้นำครอบครัวร้อยเปอร์เซ็นต์เลย”

ไผ่ น้ำตาล

แพลนแต่งงานหวาน เหตุผลที่ถูกเลื่อน

“ตาลมีความรู้สึกว่า เราต้องพร้อมก่อน เราถึงจะเดินไปด้วยกันได้ ไม่ใช่เราเป็นนกปีกหัก แล้วก็บินไปหาเขาทั้งๆ ที่เราปีกหัก หลังจากนี้เราจะต้องเกาะอยู่หลังเขาตลอด เพื่อให้เขาบินพาเราไปไหน เรารู้สึกว่ามันไม่ได้จริงๆ ก็ค่อนข้างจะคุยกันเข้าใจแล้ว อย่างที่บอกตาลเป็นผู้นำครอบครัว ตาลก็อยากให้ครอบครัวของเรามีอะไรที่ค่อนข้างจะมั่นคงก่อน”

“ถ้าวันนึงไม่เป็นฉันกับเธอแล้ว มันเปลี่ยนเป็นเราสองคน อนาคตเราต้องมีลูกอีก เราก็อยากพร้อมซัพพอร์ตลูกได้ทุกอย่าง เวลาเขาอยากได้อะไร อยากเรียนอะไร แล้วสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยเราเป็นเด็กๆ ถ้าวันนึงมีลูกเราก็อยากสนับสนุนเขาได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์”

“อย่างแรกเลยคือหนูไปฝากไข่ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ทุกคนอาจจะคิดว่าเป็นการตัดสินใจร่วมกันหรือเปล่า ตาลกับพี่ไผ่คุยกันหรือเปล่า แต่จะบอกว่าตาลไปคนเดียว อ๋อ ตาลไม่ได้ไปคนเดียว ตาลไปกับยัยแจ็คกี้ ชาเคอลีน วันนั้นเราไปหาคุณหมอตรวจสุขภาพประจำปีกัน คุยกันไปคุยกันมา หมอเขาก็บอกว่า สภาพไข่เราดีนะ ตาลเป็นผู้หญิงวัย 30 แล้ว เราก็อยากจะรู้ว่าไข่ของเราสมบูรณ์มั้ย คุณหมอชมนะคะว่าเป็นแม่ไก่ชั้นดี มีไข่เยอะมาก ไข่อยู่เต็มท้อง หมอก็บอกว่าที่จริงตาลสามารถมีลูกแบบธรรมชาติได้เลย”

“เพียงเขาแค่พูดว่าจะมีแพลนมีลูกหลังอายุ 35 หรือเปล่า คนแรกอาจจะไม่ได้ตอนอายุ 35 แต่คนที่สองจะตอนอายุ 35 มั้ย คุณหมอเริ่มพูดมันเหมือนเราอยู่ในภวังค์ เราเริ่มเคลิ้ม เราเริ่มจินตนาการถึงไข่เรา ไข่เรา ณ เวลานั้นจะเหลือเยอะพอที่จะเป็นลูกเราได้ถึงขนาดไหน แล้วเขาก็เริ่มพูดว่าถ้าเราเก็บไข่ ตอนนั้นตาลอายุ 29 กำลังเข้าสู่วัย 30 เก็บตอนนี้ไข่เราก็คือไข่ในวัย 29 และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป เพราะไข่สามารถฟรีซได้ตลอดไปไม่มีระยะเวลา”

“เราก็เฮ้ย มันก็ดีนะ เป็นการป้องกันไว้ดีกว่าแก้ เพราะตอนนี้ตาลไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เพื่อนตาลหลายๆ คนคือค่อนข้างที่จะมีบุตรยากนิดนึง ตาลก็เหมือนฝากประกันให้กับชีวิต ถ้า ณ เวลานั้นไม่สามารถมีแบบธรรมชาติได้ เราก็ยังสามารถมีลูกได้”

รักมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ทุกคนคิดแบบนี้ แล้วก็มาถามตาลแบบนี้เยอะมากๆ แต่สำหรับตาลมันเป็นเคสบายเคส แต่ละคนเจออะไรมาไม่เหมือนกัน เพราะเราถูกเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน ที่จริงของเขาอาจจะเป็นเรื่องที่ตกลงกันมาดีอยู่แล้ว พอมันจบลงแบบนี้อาจจะดีทั้งสองฝ่าย แต่สำหรับเราก็ยังไม่ได้เจอปัญหาอะไรที่ทำให้รู้สึกว่า เราไม่สามารถจะเดินต่อไปได้ เรารู้สึกว่าในทุกวันมันดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราเคยผ่ายจุดนั้นมาแล้ว”

“ตอนประมาณ 7 ปี ที่เขาบอกว่าเป็น 7 ปีอาถรรพ์ ก็ไม่ค่อยเชื่อนะตอนแรก มันเป็นช่วงเวลาที่จะนานก็ไม่นาน คือถ้าจะมากกว่านี้ก็คือ 8-10 ปีแล้วนะ ถ้าไม่โอเคก็ควรเลิกหรือเปล่า เขาก็เลยว่าเป็น 7 ปีอาถรรพ์ ตอนนั้นตาลก็เจอ เพิ่งได้เห็นเขามีความชอบค่อนข้างทเยอะมาก แล้วเรามีความรู้สึกว่าฉันจะไปอยู่ตรงไหน เขามีความติสท์ เราก็คนติสท์มันเป็นยังไงวะ นี่แหละค่ะมันเป็นอย่างนี้ (หัวเราะ) แต่ว่าพอผ่านตรงนั้นมาได้ตาลรู้สึกว่า เขาดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเราค่อยๆ โตกันตามสเต็ปชีวิตมาเรื่อยๆ”

“เป้าหมายยังเหมือนกัน เรามีความรู้สึกว่าเขาก็เป็นคนดี ทุกวันนี้เสมอต้นเสมอปลาย เขาดูแลเราค่อนข้างดี เพื่อนเราก็รักเขาทุกคน เขาก็ไม่ได้รักเราแค่คนเดียว แต่เขายังเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างเรา กับที่บ้านตาลแทบจะเป็นขวัญใจหมู่บ้าน เพราะนางจะเป็นฟิวคุณหนูจำไม แบบว่าอันนี้คืออะไรๆ ปู่ย่า ตายาย ทวด ก็จะพาไปตะเวนในหมู่บ้าน นางก็ชอบ”

“ตาลว่าเราต้องเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน บางคู่อาจจะเป็นต่างคนต่างพูด แต่มันไม่มีคนฟัง หรือบางคู่อาจจะฟังทั้งคู่ แต่ไม่มีใครลุกขึ้นมาพูด และที่สำคัญคือการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ตาลจะไม่ค่อยข้ามเส้น ต่อให้เป็นแฟนกัน เราก็จะไม่ข้ามความเป็นพี่เป็นน้อง แม่ตาลบอกเสมอว่าอย่าเลยขั้นมึงกูไปเลย ทะเลาะกันปรี๊ดแตก หรือว่ากรี๊ดใส่กันมันจะทำให้ไม่มีความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งเราอย่าไปทำแบบนั้น มันไม่ดี อย่าไปด่าพ่อล่อแม่ใคร ไม่ว่าในทุกๆ ความสัมพันธ์

“การให้เกียรติกันมันเป็นสิ่งที่สมควรจะได้รับในทุกๆ ความสัมพันธ์ ที่สำคัญคือความไว้ใจ ความซื่อสัตย์ แล้วก็เสมอต้นเสมอปลาย เขาเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างงั้น ทุกวันนี้เราไม่ค่อยทะเลาะเรื่องใหญ่ๆ เลย ย้อนกลับไป 1-2 ปีแรก จะมีความน้อยใจเก่ง อย่างที่เขาบอกคบเด็ก แล้วเราเด็กกว่าเขาก็จะไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาดูนิ่งจัง เฉยจัง หรือดูแมนเกินไป แล้วเราเป็นคนโรแมนติกสูงมาก หลังๆ ตาลชอบอะไรก็จะจัดไปเลย อยากได้ดอกไม้ ลูกโปร่ง ตาลก็จัดเอง เราอยากทำอะไรเราก็ทำ พอโตมาเป็นผู้ใหญ่ถึงรู้ว่า ความสัมพันธ์พอนานๆ ไป มันก็คือเพื่อนคู่คิดกัน”

“เราสามารถพัฒนาไปถึงตรงนั้นได้หรือเปล่า ต่อให้เข้ากันมากแค่ไหน มีข้อที่เหมือนกันมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วเรารับข้อเสียของกันและกันได้หรือเปล่า จนทุกวันนี้รู้แล้วว่าเสียที่สุดของเขาคืออะไร โมโหที่สุดของเขาคืออะไร โมโหที่สุดของพี่ไผ่คือ ฮื้อ แค่นี้ ตาลบอกนี่โมโหแล้วหรอ ทะเลาะด้วยไม่สนุกเลย แล้วเวลาเราขึ้นมากๆ เขาก็จะหยิบมือถือมาถ่ายเอาอีกๆ ทำให้มันดูเป็นเรื่องสนุก ทำให้เรารู้สึกเหมือนบ้าไปคนเดียว สุดท้ายเรารับความแตกต่าง รับสิ่งที่เป็นเขาได้จริงๆ แค่ไหน คือเรื่องที่สำคัญมากที่สุด”