Category ข่าววันนี้

อดีตรองนายกฯ แจ้งความเท็จ

อดีตรองนายกฯ แจ้งความเท็จ ทนายตั้มพบตร. ท้าชนคดีฉ้อโกง แฉเพิ่งหย่าเมีย

“ทนายตั้ม” ควงนาย ก.ลูกความ สามี ที่ยื่นฟ้องหย่าภรรยาและฟ้องอดีตรองนายกฯ ย.คบชู้ ขึ้นสถานีตำรวจบางยี่ขันแจ้งความดำเนินคดี อดีตรองนายกฯ แจ้งความเท็จ หลังถูกดำเนินคดีร่วมกับภรรยาและก็พ่อแม่ฝ่ายหญิงข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โวยให้การเรื่องทรัพย์สินที่ให้ฝ่ายหญิงเกินจริง อาทิเช่น คอนโดมิเนียมที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 62 ก่อนคบชู้ปี 64 แถมแฉว่าอดีตรองนายกฯเพิ่งจะพาเมียจดทะเบียนไปหย่า อำเภอสามพราน จ.นครปฐม ตอนวันที่ 9 ม.ค. ก่อนเรื่องจะแดงขึ้นมา

ด้านอัยการแถลง ทนายตั้มร้องขอความเป็นธรรมคดี นาย ก.โดนคดีร่วมกันฉ้อโกง สั่งประเด็นให้ตำรวจสืบสวนเพิ่มเติม หากฟ้องไม่ทันครบฝากขังวันที่ 15 เดือนมกราคม ผู้ต้องหาจะพ้นการควบคุมของศาล แต่หลังจากสำนวนเสร็จสิ้นขออนุญาต อสส.ฟ้องได้

กรณี “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเปิดประเด็นสร้างความฮือฮาในสังคม รับมอบอำนาจจากสามีชื่อย่อ ก. เป็นโจทย์ฟ้องแพ่งเรียกค่าตอบแทนจากอดีตรองนายกรัฐมนตรีชื่อย่อ ย. และก็ฟ้องหย่าภรรยาของตนต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางตั้งแต่เดือน ธ.ค.65 กรณีคบชู้กัน

อ้างว่ามีหลักฐานทั้งข้อความพูดคุยและรูปถ่ายวาบหวิวระหว่างอยู่ด้วยกันเป็นหลักฐาน ต่อมาอดีตรองนายกฯ ย. เข้าแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ดำเนินคดี นางสาวธ. ภรรยา นาย ก.สามี และก็พ่อแม่ฝ่ายหญิง ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องส่งสำนวน ให้พนักงานอัยการตลิ่งชัน 2 อยู่ระหว่างพิจารณาสั่งคดี

ความคืบหน้าจาก สน.บางยี่ขัน เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ม.ค. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พร้อมด้วยนาย ก. (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สามีของหญิงสาวอายุ 25 ปี ที่ตกเป็นข่าวฉาวคบชู้กับอดีตรองนายกรัฐมนตรีชื่อย่อ ย. เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร้อยตำรวจโทน่านนที บูรณะ รอง สว. (สอบสวน) สถานีตำรวจบางยี่ขัน ดำเนินคดีกับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ข้อหาแจ้งความเท็จ กรณีอ้างว่า สูญเงินค่าสินสอดสู่ขอฝ่ายหญิงเป็นจำนวนเกือบจะ 20 ล้านบาท

 

ทนายตั้ม

นายษิทรากล่าวว่า วันนี้ตนพานาย ก. มาแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตรองนายกรัฐมนตรีเรื่องแจ้งความเท็จ

เพราะเหตุว่าให้การเท็จต่อพนักงานที่มีหน้าที่สำหรับสอบสวนเรื่องการสู่ขอฝ่ายหญิงหรือมีการหมั้น แต่ว่าไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง เชื่อว่าเป็นการแต่งเติมข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้าข้อกฎหมาย เพื่อตนเองเรียกทรัพย์สินคืนจากฝ่ายหญิงได้

อดีตรองนายกฯมีภรรยาที่จดทะเบียนอยู่ด้วยกันมาเป็น 10 ปีมาตลอด นอกเหนือจากนั้น กรณีให้เงินไปซื้อคอนโดมิเนียมก็ไม่ใช่เรื่องจริง ตนมีหลักฐานกรรมสิทธิ์รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ที่บอกว่าให้ฝ่ายหญิงก็ไม่ใช่เรื่องจริง หลักฐานกรรมสิทธิ์การซื้อคอนโดฯ ตั้งแต่ปี 2562 แต่ว่าอดีตรองนายกฯเพิ่งจะมารู้จักฝ่ายหญิงเมื่อปี 2565 ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนนี้แน่นอน พร้อมแสดงหลักฐานหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดย่านวงเวียนใหญ่ ขนาด 35 ตารางเมตร จดจำนองตั้งแต่ปี 2562 ก่อนที่ทั้งสองคนจะรู้จักแล้วก็คบชู้กัน

“ส่วนเงินที่อ้างว่าให้ฝ่ายหญิงก็ไม่มีหลักฐานการเบิกถอน เชื่อว่าอาจมีการให้จริงแต่ไม่ถึงหลัก 10 ล้านบาท แต่ให้บ้างเพราะคบกับชู้รัก เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ตนออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าจะแถลงในวันที่ 9 ม.ค. ปรากฏว่าอดีตรองนายกฯใช้เล่ห์กลด้วยการพาภรรยาไปหย่าร้างที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 9 ม.ค. เพื่อใช้ในทางกฎหมายที่จะขอคืนทรัพย์สินที่ไปหมั้นกับฝ่ายหญิง และแจ้งความหรือเรียกทรัพย์สินต่างๆ คืนได้” ทนายตั้มกล่าว

นายษิทรากล่าวอีกว่า ส่วนข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของอดีตรองนายกฯ ถ้าค้นข้อมูลส่วนตัวทางโซเชียลจะไม่พบเพราะว่าเป็นวีไอพี แต่ด้วยเหตุว่ามีผู้หวังดีเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม แจ้งตนว่าอดีตรองนายกฯ ไปจดทะเบียนหย่าร้างกับภรรยา ตนนำหลักฐานตรงนี้มาแจ้งความกับพนักงานที่มีหน้าที่สำหรับสอบสวนด้วย

ถ้าเกิดออกมารับผิดชอบอย่างลูกผู้ชายว่า ตนเอง ทำผิดพลาดก็จบ ไม่ใช่โยนความผิดให้คนอื่นโดนข้อหาร่วมกันฉ้อโกงเป็นขบวนการด้วย เรื่องที่ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เป็นเพียงความเห็นเบื้องต้น ตนทำเรื่องขอความเป็นธรรมไปที่พนักงานอัยการแล้ว ไม่ใช่ว่าพอโดนคดีแล้วครอบครัวนี้จะมีความผิด

“ยืนยันว่าไม่มีพิธีสู่ขอ และขอท้าว่าถ้าหากมีจริงมีญาติผู้ใหญ่หรือมีใครรับรู้บ้าง ส่วนกรณีการตบทรัพย์ยังไม่มีการต่อรองใดๆ หากมีจริงคงมีหลักฐานมายืนยัน ส่วนทรัพย์สินที่บอกว่ามากถึง 19 ล้านบาทนั้น เชื่อว่ามีการให้จริงแต่มูลค่าไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนก่อนหน้านี้ที่สามีของฝ่ายหญิงมาปรึกษาตน เนื่องจากสามีต้องการขอหย่าแต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมหย่าให้ สามีเลยบอกว่า หากไม่ยอมหย่าจะฟ้องหย่าและฟ้องชู้คืออดีตรองนายกฯด้วย ทำให้ฝ่ายหญิงไปบอกกับอดีตรองนายกฯ จึงมาแจ้งความกลับทางครอบครัวฝ่ายหญิง” ทนายตั้มกล่าว หลังจากนั้นเดินทางออกจาก สน.บางยี่ขัน ในทันที

ถัดมาเวลา 11.00 น. นาย ก.ให้การพนักงานที่ทำหน้าที่ในการสอบสวน สน.บางยี่ขันแล้วเสร็จ เดินออกจากห้องสอบสวนและเดินทางกลับไป โดยไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด

ภาพอดีตรองนายก

จากกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาบอกว่า อดีตรองนายกฯ “ย.” ไปจดทะเบียนหย่ากับภรรยา เมื่อวันที่ 9 ม.ค.66

เพื่อหวังต่อสู้คดีแล้วก็เรียกร้องทรัพย์สินคืนนั้น ปรากฏว่าในช่วงสายวันที่ 12 เดือนมกราคม ได้มีประกาศเป็นหนังสือเวียนภายในหน่วยงานของอดีตภรรยาของอดีตรองนายกฯ “ย.” แจ้งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยกล่าวว่า ได้เปลี่ยนจากนามสกุลของสามี กลับไปใช้นามสกุลเดิมก่อนแต่งงานแล้ว จึงแจ้งให้ทุกแผนกรับทราบ ถ้ามีเอกสารราชการใด ขอให้ใช้นามสกุลเดิมก่อนสมรสด้วย มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เดือนมกราคม66 เป็นต้นไป

ที่สำนักงานอัยการคดีอาญาตลิ่งชัน วันเดียวกัน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้รับทราบจากนายจิระประวัติ แบบประเสริฐ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาตลิ่งชัน ว่า เมื่อเย็นวันที่ 10 ตุลาคม พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง น.ส.ธ. นาย ก.สามี นาง ข. แล้วก็นาย พ. มารดาและก็บิดาของ นางสาวธ. เป็นผู้ต้องหาที่ 1-4 ตามลำดับ ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ประกอบมาตรา 83

“การนำสำนวนดังกล่าวมายื่นตรงกับวันครบกำหนดผัดฟ้องครั้งที่ 5 คดีนี้อัตราโทษไม่เกิน 3 ปี ถือเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลเเขวง สามารถผัดฟ้องได้ 6 ผัด 30 วัน เท่ากับว่าเหลือเวลาพิจารณาคดีช่วงผัดสุดท้ายถึงวันที่ 15 ม.ค. ก่อนหมดเวลาคุมตัวตามกฎหมาย คดีนี้ฝ่ายผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนจึงสั่งให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนพิจารณามีคำสั่งทางคดีต่อไป ถ้าผลการสอบสวนที่พนักงานอัยการสั่งสอบเพิ่มส่งมาไม่ทันอัยการพิจารณาสั่งคดีวันที่ 15 ม.ค. ตามกฎหมาย ตัวผู้ต้องหาต้องพ้นการคุมตัวของศาล คดีต้องขออนุญาตอัยการสูงสุดฟ้อง หากมีคำสั่งฟ้องตำรวจต้องนำผู้ต้องหามาให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอีกครั้ง” รองโฆษก อสส.กล่าว

บิ๊กตู่ แค่เปิดหัวรอ

“บิ๊กตู่”แค่เปิดหัวรอ ของจริง-ยุบสภาก.พ.!?

ผ่านสายตากันไปแล้ว สำหรับงานเปิดตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยการเป็นสมาชิก พรรครวมไทยสร้างชาติ กลายเป็นนักการเมืองเต็มตัว ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมเป็นต้นไป แล้วก็ถึงแม้ว่าการเปิดตัวในวันดังกล่าว ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะดูยิ่งใหญ่อลังการก็ตาม

แต่ก็มีหลายคนที่ปรามาสว่า ยังพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจนนัก และก็มองว่า ทั้งนักการเมือง และมวลชนที่เข้าร่วม ยังไม่อาจการันตีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มากพอสำหรับการไปต่อ เพราะในจำนวนนั้น มีไม่น้อยที่เป็น “รุ่นเก่า” อะไรประมาณนั้น ซึ่งคำปรามาสแบบในเชิงเหยียดหยามที่ว่านั้น ล้วนมาจากฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี ถ้าหากพิจารณากันตามความจริงแล้ว การเปิดตัวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังกล่าวต้องยอมรับว่าสร้างกระแส ในทางการเมืองได้พอสมควร โดยเฉพาะกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ถือว่ามีความคึกคักอย่างเป็นรูปธรรม อย่างน้อยก็ได้สร้างความจดจำ ในฐานะพรรคการเมืองใหม่ได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่ตัว “บิ๊กตู่” ที่เปิดตัวในฐานะสมาชิกพรรคการเมืองเป็นครั้งแรก รวมไปถึงการพูดบนเวที ในฐานะนักการเมืองอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ในวันดังกล่าวยังมีนักการเมืองระดับ รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมืองไปร่วมให้กำลังใจ สังเกตการณ์ ไปร่วมงานหลายๆ คน โดยหลายๆ คนที่ไปก็ยังไม่ได้ลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือลาออกจากพรรคเดิมที่สังกัดอยู่ เนื่องจากยังรอจังหวะอยู่ แต่ว่าการเดินทางไปร่วมงาน มันก็มีแนวโน้มค่อนข้างจะชัดแล้วว่าพวกเขาได้ตัดสินใจมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว

เปิดตัวรวมไทยสร้างชาติ

นอกจากนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของบรรดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากบางพรรคที่มาร่วมงานเปิดตัว บิ๊กตู่ ครั้งนี้

ถึงเหตุผลที่ยังไม่ลาออก โดยพวกเขาพูดว่าจะลาออกในปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือในช่วงปิดสมัยประชุมสมัยสุดท้าย ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ทำให้ทราบได้ทันทีว่า จะมีการ “ยุบสภา” ในต้นเดือนมีนาคม หรือภายในเดือนนั้นอย่างแน่นอน

ซึ่ง น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมงานประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แล้วก็งานเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกลาโหม สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค โดย น.ส.รังสิมา บอกว่า ตนยังไม่ได้ลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยังคงทำหน้าที่จนถึงปิดสมัยประชุม แต่วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้คงลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังจากยุบสภา แล้วก็คิดว่านายกรัฐมนตรีน่าจะยุบสภา คงจะไม่อยู่ครบวาระ เพราะว่าจะทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย้ายพรรคไม่ทัน

โดย น.ส.รังสิมา กล่าวยอมรับว่า ยังไม่แจ้งให้ทางพรรคประชาธิปัตย์ทราบ แต่เชื่อว่าทางพรรคคงจะรับทราบแล้ว เพราะผลโพลออกมาว่า ประชาชนต้องการให้ไปอยู่พรรคใด ก็ต้องไปตามโพล ซึ่งก็ชัดเจนว่าต้องการให้มาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

นางสาวรังสิมา ยังกล่าวชี้แจงสาเหตุที่ต้องทำโพลว่า เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้รับปากกับประชาชนไว้ ซึ่งครั้งนี้หากไม่ย้ายพรรค ประชาชนก็จะไม่เลือกตน และจากผลโพลครั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ก็สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ โดยให้เหตุผลว่า นายกฯ ทำให้บ้านเมืองสงบ แล้วก็นายกฯ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ รักสถาบันฯ จึงอยากให้ตนมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)

ก่อนหน้านั้น นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พวกตนและก็ทีมภาคใต้จะเดินทางไปให้กำลังใจนายกฯ ด้วยด้วยเหตุว่าส่วนตัวได้ประกาศแล้วว่าจะไปกับนายกฯ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม

ส่วนการสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค รทสช. ของพวกตนจะไปสมัครหลังปิดสภา ในวันที่ 28 ก.พ. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสภา แล้วหลังจากนั้นพวกตนจะไปลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยในส่วนของภาคใต้ ไม่ต่ำกว่า 30 คน ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรคอื่นด้วย ทั้งจากพรรคพปชร. และก็พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อาทิเช่น นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม และก็ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช ก็จะลาออกจากพรรคสังกัดเดิม เพื่อสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค รทสช.ด้วยเหมือนกัน

ถามว่า ในเวลานี้ยังเป็นสมาชิกพรรค พปชร.อยู่ จะไปร่วมการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคพปชร. ที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่ นายสายัณห์ พูดว่า ไม่ไปแล้ว ใจตนมาอยู่พรรคนี้แล้ว คงจะไม่ไปแล้ว แล้วก็ตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะประชุมเมื่อใด รู้แต่กิจกรรมของพรรครทสช.

รังสิมา รอดรัศมี

จากคำพูดดังกล่าวของ สองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่างพรรคคือ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี จากพรรคประชาธิปัตย์ และก็นายสายัณห์ ยุติธรรม จากพรรคพลังประชารัฐ

ที่ไปปรากฏตัวในงานเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้รู้ว่า ยังมีส.ส.อีกล็อตหนึ่งที่จะย้ายมาร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากปิดสมัยประชุมนัดสุดท้าย วันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ และจากคำพูดของน.ส.รังสิมา ทำให้ทราบว่าจะมีการ “ยุบสภา” หลังจากนั้น เพราะว่าทำให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและนักการเมืองที่จะย้ายเข้ามาสังกัดได้ทันข้อกำหนดสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 30 วัน นับจนถึงวันเลือกตั้ง

เมื่อประมวลทุกอย่างแล้ว จึงมั่นใจว่าจะมีการยุบสภาในเดือนมีนาคม ส่วนจะเป็นตอนเวลาไหนนั้น ก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะเหตุว่าถือว่าก่อนครบวาระสภา ในวันที่ 23 เดือนมีนาคม เพียงแค่ไม่กี่วัน ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีความเป็นไปได้ ที่กฎหมายสำคัญสองฉบับ คือ กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง แล้วก็ว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่เป็นกติกาการเลือกตั้งน่าจะมีผลบังคับใช้พอดี

ถ้าหากโฟกัสไปที่ความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เห็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมทั้งนักการเมืองจำนวนหนึ่งมาร่วมงาน และแสดงตัวว่ามาร่วมสังกัดพรรคเดียวกัน ถึงแม้ว่าวันนั้นถ้าหากนับจำนวนส.ส.แล้วอาจยังมีไม่มาก แต่ว่าเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วก็ต้องจับตาหลังวันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ ว่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลาออกมาสมทบเพิ่มอีกกี่คน เพราะว่านี่คือการพิสูจน์ให้เห็น “ของจริง” รวมไปถึงสามารถ“สร้างกระแส” ได้มากน้อยเพียงใด

ดังนั้น สำหรับ “บิ๊กตู่” นาทีนี้ถือว่าต้องลุยเต็มที่สำหรับเป้าหมายในโควต้าที่เหลืออยู่ ซึ่งต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างประกอบกันทั้งกระสุน กระแส ตุนอยู่ในมือ แต่หากมีกระแสดี มันก็ทำให้เรื่องอื่นตามมาได้ไม่ยาก แล้วก็ที่สำคัญจำต้องรอดูว่าจะมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไหลเข้ามาร่วมอีกล็อตในเดือนกุมภาพันธ์ อีกจำนวนเท่าไหร่ เพราะเหตุว่าจะเป็นการสร้างพลังขับเคลื่อนได้เพิ่มเติมอีกระดับหนึ่ง แต่หากเทมาทางนี้ไม่มาก มันก็ทำให้โอกาสไปต่อยากเข็ญไปอีกหลายเท่า !!

ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง

เลียนแบบสหรัฐฯ! ม็อบหนุนอดีต ปธน. บราซิลบุกรัฐสภา และ ทำเนียบฯ ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง

กลุ่มผู้ช่วยเหลือ ของอดีตประธานาธิบดี บราซิล ฌาอีร์ โบลโซนารู บุกเข้าไปในที่ประชุม คองเกรส ทำเนียบประธานาธิบดี และก็ ศาลสูง เนื่องจาก ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง เมื่อวันอาทิตย์ ที่ (8 ม.ค.) เพื่อต่อต้าน ผลการเลือกตั้ง เหมือนเหตุการณ์ ที่ฝ่ายสนับสนุนอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บุกตึกสภานิติบัญญัติสหรัฐอเมริกา เมื่อ 2 ปีก่อน

ลูอิส อินาซิโอ “ลูลา” ดา ซิลวา ประธานาธิบดี ฝ่ายซ้าย ซึ่ง เอาชนะ โบลโซนารู ในศึกออกเสียงทั่วไป ที่เต็มไปด้วยปัญหา เมื่อปีที่แล้ว แถลงส่งเจ้าหน้าที่ ด้านความมั่นคงของรัฐบาลกลาง แทรกแซงเหตุการณ์ใน กรุงบราซิเลีย ไปจนกระทั่งวันที่ 31 มกราคม หลังจากพื้นฐาน กองกำลังความมั่นคงของเมืองหลวงแห่งนี้ ไม่สามารถจัดการ กับพวกผู้บุกรุกได้

ระหว่างการออกข่าว ลูลา กล่าวโทษ โบลโซนารู รวมทั้งคว่ำครวญ เกี่ยวกับมาตรการความมั่นคง ที่ไม่พอในเมืองหลวง โดยพูดว่าพวกเจ้าหน้าที่ ปล่อยให้พวกลัทธิฟาสซิสต์ และ พวกคนคลั่งก่อความย่ำแย่ร้ายแรง

“พวกทำลายทรัพย์สินเหล่านี้ ที่เราสามารถเรียกได้ว่า คนคลั่งนาซี คนคลั่งสตาลิน คนคลั่งฟาสซิสต์ ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำ ในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้” ลูลากล่าว ระหว่างเดินทางเยือน รัฐเซาเปาลู อย่างเป็นทางการ “เราจะหาตัวคนที่ทำเรื่องนี้ จนพบทั้งหมด และ พวกเขาจะถูกลงโทษ”

พวกคนประท้วงสวมชุดเหลืองเขียวหลายพันคน ก่อความอลหม่านในเมืองหลวง โหมกระพือความเคร่งเครียดมานาน นับเป็นเวลาหลายเดือน ตามหลังศึกออกเสียงตอนวันที่ 30 มกราคม ซึ่ง โบลโซนารู ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และ กล่าวอ้างว่า ระบบการเลือกตั้งด้วยเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ของ บราซิล เต็มไปด้วยการคดโกง โหมกระพือการเคลื่อนที่ ก่อความร้ายแรงของบรรดาผู้ไม่ยอมรับผลลงคะแนน

ม็อบหนุนอดีตปธน

ราว 18.30 น. (ตรงเวลาท้องถิ่น) หรือ ราว 3 ชั่วโมง ตามหลังมีรายงานเกี่ยวกับการบุกรุก จากการ ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ในเบื้องต้น

กองกำลังด้านความมั่นคง จัดแจงทวงตึก คืนมาได้ 3 หลัง ตามรายงานข่าวสารของโกลบอลนิวส์ ในเวลาที่ ภาพข่าวเผยให้มองเห็นพวกก่อความวุ่นวายหลายสิบคน ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวออกไป ในสภาวะ โดนสวมกุญแจมือ

การบุกรุกครั้งนี้ เสี่ยงทำให้เกิดปัญหาแก่ ลูลา ในทันทีทันใด ขณะที่เขา เพิ่งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งใน วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา รวมทั้ง ให้คำมั่นประสานรอยร้าว สร้างความเป็นหนึ่งเดียวแก่ประเทศ ที่ถูกฉีกจนขาดเป็นชิ้น ๆ จากความแตกแยกขัดแย้งทางการเมือง

ภาพข่าวสารสถานีโทรทัศน์ ประสบพบเห็นพวกคนประท้วงฝ่าแนวกันเข้าไปยังศาลสูง รวมทั้ง ที่ประชุม คองเกรส ตะเบ็งคำขวัญ รวมทั้ง ทุบทำลายเฟอร์นิเจอร์ โดยสื่อมวลชนท้องถิ่นมุ่งมาดว่า มีพสกนิกรราว 3,000 คน เกี่ยวข้องกับเรื่องราวนี้

โบลโซนารู ซึ่ง นาน ๆ ครั้ง จะออกมากล่าวต่อสาธารณะ นับตั้งแต่พ่ายแพ้ศึกเลือกตั้ง ยังไม่ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้ เขาเดินทางออกจาก บราซิล มุ่งหน้าเข้าสู่ ฟลอริดา 48 ชั่วโมง ก่อนสิ้นสุดวาระการรักษาตำหน่ง และ ไม่ได้ร่วมในพิธีการสาบานตนของ ลูลา

“พวกป่าเถื่อนนี้ ได้รับการยุยงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จาก ไมอามี” ลูลา กล่าว อ้างถึง โบลโซนารู “ทุกคนรู้ดีว่าคำพูดต่าง ๆ นานา ของอดีตประธานาธิบดี ยุยงส่งเสริมสิ่งนี้”

เหตุการณ์ความรุนแรงในกรุงบราซิเลีย อาจเพิ่มการเสี่ยงทางกฎหมายแก่ โบลโซนารู ซึ่ง จนกระทั่งในช่วงเวลานี้ ยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการบุกรุก ส่วนทนายความของครอบครัว โบลโซนารู ก็ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นกัน

ศาลสูง ถูกรื้อค้น โดยพวกผู้บุกรุก และก็ จากภาพที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ประสบพบเห็นพวกคนคัดค้านทุบทำลายบานกระจกของตึกสมัยใหม่แห่งนี้ ยิ่งกว่านั้นแล้ว ในวิดีโอที่เผยแพร่อย่างกว้างขวาง บนสื่อสังคมออนไลน์ ยังพบเจอตำรวจรายหนึ่งตกจากหลังท้า หลังจากถูกพวกผู้คัดค้านที่มีไม้เป็นอาวุธไล่ล่า

เลียนแบบสหรัฐฯ

ไอบาเนอิส โรชา ผู้ว่าการ กรุงบราซิเลีย เขียนบนทวิตเตอร์ เผยว่าเขาได้ไล่ออก อันเดอร์สัน ตอร์เรส

เจ้าหน้าที่ควาามมั่นคงระดับสูงของเขา ซึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเคยเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ของ โบลโซนารู ในขณะที่สำนักงานอัยการเปิดเผยว่า ได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับ ตอร์เรส ไปแล้วด้วย

รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่ง เรียกร้องมานานนับเป็นเวลาหลายเดือนให้ โบลโซนารู หยุดหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย ที่ไม่มีมูลต่อผลการเลือกตั้ง ออกมาการันตีอย่างหนักแน่น หนุนหลังการคุ้มครองสถาบันระบบประชาธิปไตยของ บราซิล เหมือนกับผู้นำต่างชาติ คนอื่น

“เราขอประณามการโจมตีทำเนียบ ประธานาธิบดี บราซิล รัฐสภา และ ศาลสูง” แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เขียนบนทวิตเตอร์ “การใช้ความรุนแรงโจมตีสถาบันประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ เราร่วมกับ ลูลา เรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว ในทันที”

รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ในกรุงวอชิงตัน ปี 2021 พวกผู้ให้การสนับสนุนของทรัมป์ จู่โจมตำรวจ ฝ่าแนวกัน รวมทั้ง บุกเข้าไปในตึกสภานิติบัญญัติ ในความเพียรพยายามขวางสภานิติบัญญัติ ไม่ให้รับประกันชัยชนะในศึกลงคะแนนปี 2020 ของ โจ ไบเดน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

ทรัมป์ บีบคั้นให้ ไมค์ เพนซื รองประธานาธิบดีของเขา ไม่รับรองการโหวตของสภานิติบัญญัติ และก็ ยังคงกล่าวอ้างว่า เขาถูกขโมยผลการลงคะแนนในปี 2020 ผ่านการคดโกงอย่างกว้างใหญ่

แทงเด็ก

โหดไปไหม เด็ก 15 กระหน่ำ แทงเด็ก 16 ดับคาตลาด เหตุแค่มองหน้า ไม่รู้จักกันมาก่อน

เด็ก 15 ให้รุ่นน้องไปซื้อมีด ก่อนใช้มีดกระหน่ำ แทงเด็ก 16 ดับคาตลาด เหตุเพียงแค่มองหน้า ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปพร้อมกำหนดใจความไว้ว่า “ญาติพี่น้องใคร โดนแทงที่ตลาดนกฮูกครับ ชื่อโตโต้ บ้านอยู่ท่าทรายครับ ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว รพ.พระนั่งเกล้านนทบุรีครับ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”

ล่าสุดเมื่อเวลา 22.00 น. (4 มกราคม 66) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณตรอก ทานสัมฤทธิ์ เจอ นางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และนายบี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว ทราบว่าในกลุ่มเพื่อนประมาณ 10 คน มีการนัดกันไปเดินเล่นที่ ตลาดนกฮูก 1 แต่ถูกกลุ่มคู่กรณีไม่เคยรู้จักกันมาก่อนโดยประมาณ 9 คน โดยมีนาย พี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ผู้ก่อเหตุ วิ่งเข้ามาใช้มีดแทงนาย โตโต้ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เสียชีวิต สาเหตุแค่มองหน้า และมีการพูดท้าทายกัน ซึ่งเหตุเกิดวันที่ 3 ม.ค. 66 เวลาประมาณ 20.30 น. เเถวๆตลาดนกฮูก 1 เลี่ยงเมืองนนทบุรี

จากการสอบถามน.ส. เอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เพื่อนคนเสียชีวิต เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวานราวๆ 2 ทุ่ม ตนกับเพื่อนๆไปเดิน จับจ่ายซื้อของที่ ตลาดนกฮูก และพบวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ได้มีการมองหน้ากัน ซึ่งตนบอกกับเพื่อนให้รีบจ่ายตลาด และกลับเนื่องจากว่าไม่ได้อยากต้องการมีเรื่องมีราว คู่กรณีก็ยังเดินตามมามองหน้า เดินแยกโซนไปก็เดินมาพบ และมองหน้าอีก

แทงเด็ก ดับคาตลาด

ทีนี้เลยเกิดการท้าทายกัน ทางวัยรุ่นคู่กรณีเล่นทีเผลออาศัยจังหวะที่พวกตนหันหลังเอามีดมา แทงเด็ก ผู้เสียชีวิต

ตนยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี ตนตกใจที่เกิดเรื่อง และมาทำเพื่อนแบบนี้ เพียงแค่จะมาจ่ายตลาด และไปเที่ยวกันแล้วเพื่อนมาเสียชีวิต โดนแทงด้านหลัง ซี่โครง หัวไหล่ และเอว โดยประมาณ 6 แผล เหตุเกิดตรงศูนย์อาหารก่อนและมาเสียชีวิตตรงทางออกข้างหน้า ตรงแถวตู้เอทีเอ็ม

ซึ่งงานฌาปนกิจศพของ โตโต้ จะมีการสวดบำเพ็ญกุศล 3 คืน ที่ วัดชมภูเวก เผาศพวันที่ 7 มกราคม 66

นาย บี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเดินตามกลุ่มเพื่อนไปเพื่อจ่ายตลาดในตลาดนกฮูก พอพบคู่กรณีเขาก็มา แทงเพื่อนตน กลุ่มก็แตกเตลิดเปิดเปิงวิ่งหนีกันไป เพื่อนของตนที่ตายวิ่งตามตนมา ตนเลยถามว่าเป็นอะไรมั้ย แต่ผู้ตายไม่ตอบ แล้วเพื่อนของตนก็วิ่งไปล้มตรงทางออกตลาด ตนจึงได้เห็นแผลของเพื่อน ที่โดนแทง หลังแล้วหลังจากนั้นตนเรียกคนมาช่วย ตอนแรกจะเอาเพื่อนขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปโรงพยาบาล แต่ รปภ.ที่ตลาดพูดว่าให้นอนรอคอยรถพยาบาลอยู่ตรงนี้ ตนมีความรู้สึกว่าสาเหตุเกิดจากการมองหน้ากัน และท้า มองกันไปมองกันมา ตนไม่รู้จักกลุ่มของคู่กรณี

ตลาด

มีดที่ก่อเหตุน่าจะเป็นมีดทำกับข้าว คู่กรณีแทงเพื่อนตนโดยประมาณ 5-6 แผล

กลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุมากัน 9 คน ตอนนี้โดนตำรวจจับไปแล้ว 6 คน เหลืออีก 3 คน ซึ่งตนต้องการให้ ตำรวจตามจับให้หมด อยากที่จะให้ คู่กรณีมาขอโทษ ขอขมาศพ ไม่คิดจะไปแก้เผ็ด

วันที่เกิดเหตุมีเพื่อนอีกคนที่โดนกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี เอามีดมาชี้หน้าและบอกว่า “มึงสดหรอ มึงเก๋าหรอ” คนแถวนั้นเลย มาดึงแยกกัน กลุ่มคู่กรณีคงจะ อายุราวๆ 17-18 ปี เพราะเหตุว่าพวกเขาดูโตกว่า

จากการสอบถาม นางสาว นารีรัตน์ อายุ 25 ปี แม่ค้าในตลาด คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวานนี้ ตอนเกือบจะ 3 ทุ่ม กลุ่มวัยรุ่นที่เสียชีวิตมาเป็นกลุ่มเด็กๆผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อย แต่ตนไม่เห็นกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ มีคนในตลาด พูดว่าเขาจับได้เลยแต่ตนไม่เห็นตอนนั้น คนที่วิ่งมาตรงนี้ไม่มีอาวุธ แต่เห็นแผลที่หลัง 3 จุด ตรงซี่โครงด้านข้าง และตรงแขน

ราวกับ ผู้ตายโดนแทงจากด้านหลัง ราว 5 แผล ตนก็เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์ที่เสียชีวิตหนแรก ตอนนั้นตนไม่ได้กลัวแต่ตกใจ พอรู้ว่าน้องเขาเสียชีวิต กลุ่มวัยรุ่นที่เสียชีวิตเขาวิ่งมาทางร้านตน และล้มตรงรอบๆทางออกตลาด ตนเป็นคนล้างรอยเลือดตรงที่เกิดเหตุไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้

ด้าน นาย พี (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ พูดว่า คนที่ตายเดินถือมีดมาแล้วบอกว่าใครเก๋าวะ ตนจึงยอมรับว่าตนเป็นคนแทง ก่อนแทงตนได้ให้รุ่นน้องไปซื้อมีดในตลาดมา เป็นมีดสั้นมีดทำครัว

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสอบปากคำ สภ.รัตนาธิเบศร์ สามารถจับตัว ฆาตกรได้แล้วในวันเกิดเหตุ 6 คน โดยมี นาย พี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เป็นมือแทง ซึ่งยังเหลือผู้ต้องหาอีก 3 คนที่หลบหนีอยู่ยังไม่สามารถจับตัวได้

ฟันฮิปโป

ฟันฮิปโป กำลังกลายเป็นชิ้นส่วนจากสัตว์ป่าที่นักลักลอบสนใจค้าแทนงาช้าง

ฟันฮิปโป นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ป่าเตือนว่า ข้อกำหนดที่เคร่งครัดมากยิ่งขึ้นต่อการลักลอบค้างาช้างได้ส่งผลให้เกิดการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสมากเพิ่มขึ้น โดยบางทีอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อฮิปโปโปเตมัสสายพันธุ์ที่ได้รับการลงบัญชีว่า “มีแนวโน้มใกล้สิ้นพันธุ์” (vulnerable to extinction)

ในขณะที่สหราชอาณาจักรประกาศการห้ามการค้างาเกือบทั้งหมดเมื่อเดือน มิ.ย. ก่อนหน้าที่ผ่านมา องค์กรการกุศลด้านความสะดวกและปลอดภัยสัตว์ป่าได้เรียนความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย

ฟันฮิปโป ฮิปโปโปเตมัส

“เราเจอการค้าฟันฮิปโปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในสหราชอาณาจักร”

ในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากการห้ามการค้างาเกือบทั้งหมดมีผลบังคับใช้ แฟรงกี โอซูก หัวหน้าการเขียนรายงานที่เผยแพร่โดยบอร์น ฟรี (Born Free) เมื่อเดือน กันยายน กล่าว

นี่คือ “หลักฐานที่น่าวิตกอย่างยิ่งว่า มีความต้องการฟันฮิปโปโปเตมัสมากขึ้น ซึ่งปริมาณฮิปโปโปเตมัสตามธรรมชาติก็เผชิญกับการคุกคามอยู่” รายงานระบุ

บรรดานักค้นคว้ากล่าวว่า ลักษณะนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1989 ซึ่งทั่วโลกเห็นชอบร่วมกันสำหรับเพื่อการห้ามการค้างาเป็นครั้งแรก และก็มีความเข้มงวดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลต่างๆได้นำมาตรการใหม่ๆมาใช้ในลัษณะของการห้าม

เหมือนกับงาช้าง ฟันและเขี้ยวของฮิปโปโปเตมัสมักถูกใช้เพื่อการแกะสลักเพื่อนำไปตกแต่งตกแต่ง แม้กระนั้นของพวกนั้นราคาถูกกว่า แล้วก็หามาถือครองได้ง่ายกว่า

ส่วนต่างๆของฮิปโปยังสามารถนำไปขายภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าแล้วก็พืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora –CITES) หรือ ไซเตส ได้ด้วย แม้กระนั้นวิธีขายในต่างถิ่นควรจะมีเอกสารสิทธิ์การส่งออก

นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ป่าเตือนว่า ข้อจำกัดที่เข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆต่อการลักลอบค้างาช้างได้นำมาซึ่งการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสมากขึ้นเรื่อยๆ โดยบางทีก็อาจจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อฮิปโปโปเตมัสสายพันธุ์ที่ได้รับการขึ้นบัญชีว่า “มีแนวโน้มใกล้สิ้นพันธุ์” (vulnerable to extinction)

ในขณะที่สหราชอาณาจักรประกาศการห้ามการค้างาเกือบทั้งหมดเมื่อเดือน มิ.ย. ก่อนหน้าที่ผ่านมา องค์กรการกุศลด้านความสะดวกสัตว์ป่าได้เรียนความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย

“เราเจอการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสมากขึ้นเรื่อยๆในสหราชอาณาจักร ในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากการห้ามการค้างาช้างเกือบทั้งหมดมีผลบังคับใช้” แฟรงกี โอซูก หัวหน้าการเขียนรายงานที่เผยแพร่โดยบอร์น ฟรี (Born Free) เมื่อเดือน กันยายน กล่าว

นี่คือ “หลักฐานที่น่าวิตกอย่างยิ่งว่า มีความต้องการฟันฮิปโปโปเตมัสมากขึ้น ซึ่งปริมาณฮิปโปตามธรรมชาติก็เผชิญกับการคุกคามอยู่” รายงานระบุ

ฟันฮิปโป งาช้าง

บรรดานักค้นคว้าบอกว่า รูปแบบนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1989

ซึ่งทั้งโลกเห็นด้วยด้วยกันในการห้ามการค้างาช้างเป็นครั้งแรก แล้วก็มีความเข้มงวดขึ้น เพราะรัฐบาลต่างๆได้เอามาตรการใหม่ๆมาใช้เพื่อสำหรับในการห้าม

เหมือนกับงา ฟันแล้วก็เขี้ยวของฮิปโปโปเตมัสมักถูกใช้สำหรับเพื่อการแกะสลักเพื่อนำไปประดับตกแต่ง แต่ว่าของพวกนั้นราคาถูกกว่า รวมทั้งหามาถือครองได้ง่ายดายกว่า

ส่วนต่างๆของฮิปโปยังสามารถนำไปขายภายใต้อนุสัญญากล่าวถึงการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและก็พืชป่าที่ใกล้จะสิ้นซาก (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora –CITES) หรือ ไซเตส ได้ด้วย แต่ว่าวิธีขายในต่างประเทศควรจะมีใบอนุมัติการส่งออก

ชาติในแอฟริกากลางและตะวันตก 10 ชาตินี้จึงได้เสนอหนทางที่เรียกว่า “ข้อคิดเห็นประกอบ” ซึ่งจะส่งผลให้มีการระบุโควตาเป็นศูนย์ในการค้าตัวอย่างสัตว์ป่าเพื่อเป้าหมายทางการค้า แต่ว่าข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการผลักดันจากสหภาพยุโรป หรือจากชาติต่างๆในแอฟริกาใต้รวมทั้งทิศตะวันออก ซึ่งกล่าวว่า ปริมาณประชากรฮิปโปยังคงอยู่ในระดับที่ดี

บางประเทศในแอฟริกาใต้และก็ทิศตะวันออก ดังเช่น แทนซาเนีย, ยูกันดา, แซมเบีย รวมทั้งซิมบับเว ยังเป็นสาเหตุของฮิปโปโปเตมัสราว 3 ใน 4 จากปริมาณ 13,909 ตัว ที่ถูกนำชิ้นส่วนและสินค้าต่างๆจากฮิปโปโปเตมัสเหล่านี้ไปขายระหว่างปี 2009-2018

โจอันนา สวาเบ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายโฆษณาของสัมพันธ์มนุษยธรรมนานาชาติ (Humane Society International) ชี้ว่า เกือบจะไม่มีการดำเนินการใดๆก็ตามตั้งแต่ปี 2016 เพื่อรักษาจำนวนฮิปโปโปเตมัส

“แทบจะไม่มีการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับจำนวนประชากรที่แท้จริงของฮิปโปในประเทศต่างๆเหล่านี้เลย” เธอกล่าว

“ช่วงเวลาที่ในขณะเดียวกัน ประเทศเหล่านี้รู้ว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับฮิปโปโปเตมัสภายในดินแดนของตนเอง ดังนั้น พวกเขาไม่ควรเพิกเฉย”

ฮิปโปโปเตมัสมีอัตราการเกิดต่ำ โดยคลอดเพียง 1 ตัวในแต่ละปี ด้วยเหตุนั้นการมีปริมาณประชากรฮิปโปที่ต่ำลงบางทีอาจส่งผลกระทบในระยะยาวได้

ฮิปโป

ฟันฮิปโป ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฮิปโป

ฮิปโปโปเตมัสทุกตัวอาศัยอยู่ในแอฟริกา โดยมี 2 ชนิดคือ ฮิปโปโปเตมัสธรรมดา (common hippo) ซึ่งคาดว่า มีประชากรราว 115,000-130,000 ในปี 2016 แล้วก็ฮิปโปโปเตมัสแคระ (pygmy hippo) ซึ่งมีประชากรราว 2,000-3,000 ตัว

ฮิปโปธรรมดาจัดอยู่ในชนิด “มีแนวโน้มใกล้สิ้นซาก” ในบัญชีแดงของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติในปี 2016

มีการค้าส่วนประกอบและก็ผลิตภัณฑ์ต่างๆของฮิปโปโปเตมัส 13,909 ตัว อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ระหว่างปี 2009-2018 โดย 3 ใน 4 ของฮิปโปเหล่านี้มีต้นกำเนิดอยู่ในแทนซาเนีย, ยูกันดา, แซมเบีย และก็ซิมบับเว

มีการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสอย่างถูกต้องตามกฎหมายน้ำหนักรวม 770,000 กก. ระหว่างปี 1975-2017 แม้กระนั้นไม่เคยรู้จำนวนการค้าอย่างผิดกฎหมาย

ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่ากล่าวเพราะ ต้องจับตาดูการค้าฟันฮิปโปทั้งที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายอย่างสนิทสนม

ฮิปโปธรรมดาถูกขึ้นบัญชีในภาคผนวกที่ 2 ของไซเตส ซึ่งแปลว่า บางทีอาจจะสูญพันธุ์ได้ ถ้าเกิดไม่มีการควบคุมการค้าอย่างเคร่งครัด

10 ประเทศดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ซึ่งกำลังพยายามให้มีการห้ามการค้าฟันฮิปโปทั้งโลก กล่าวว่า มีหลักฐานที่แจ่มแจ้งว่า “มีการปนเปกันระหว่างฟันฮิปโปโปเตมัสไม่ถูกต้องตามกฎหมายและก็ถูกกฎหมาย” ทำให้ฟันฮิปโปโปเตมัสที่ถูกลักลอบล่า “ถูกนำไปฟอกเพื่อนำไปขายในตลาดถูกกฎหมาย”

หากไม่มีการควบคุมอย่างเคร่งครัดเยอะขึ้นเรื่อยๆ นักเคลื่อนไหวเตือนว่า ฮิปโปโปเตมัสอาจจะมีชะตากรรมเหมือนกันกับช้าง ซึ่งกลายเป็นสัตว์ที่ใกล้สิ้นซาก (endangered) หรือใกล้สิ้นซากอย่างยิ่ง (critically endangered) ในกรณีของช้างป่าแอฟริกา เพราะผู้ลักลอบล่าสัตว์ได้ฆ่าช้างป่าเหล่านี้จำนวนมากเพื่อเอางาของพวกมัน

ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC

เอนโซ่ เฟอร์นานเดส อาร์เจนติน่า

อาร์เจนติน่า ได้แชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ไปครองสมใจ

อาร์เจนติน่า ‘เมสซี่’ ทำสถิติเล่นบอลโลกมากสุด 26 นัด-คนแรกยิงได้ทุกรอบ

ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า ทุบสถิติกลายเป็นนักเตะที่ลงสนามในบอลโลกเยอะที่สุด รวมถึงกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ทุกรอบของการเล่นบอลโลก

เมสซี่ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงชนะเลิศที่สนาม ลูเซล สเตเดี้ยม กลายเป็นนัดที่ 26 ในบอลโลกและทำลายสถิติเดิมของ โลธาร์ มัตเธอุส ที่ผ่านการเล่นในฟุตบอลโลกมา 25 เกม

เมสซี่ ประเดิมสนามในศึกบอลโลกตั้งแต่อายุ 18 ด้วยการลงเป็นสำรองและทำประตูได้ในเกมอาร์เจนติน่า เอาชนะ เซอร์เบีย แอนด์ มอนเตเนโกร ในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2006

เขายังเป็นนักฟุตบอลอาร์เจนไตน์รายแรกที่ลงเล่นฟุตบอลโลกมา 5 สมัย แล้วนับจากฟุตบอลโลก 2010 เป็นต้นมา, เขายังลงเล่นเกมของอาร์เจนติน่า มาทุกนัดรวมทั้งการนำทีมเข้าชิงในปี 2014 ด้วย

สำหรับ มัตเธอุส นั้นผ่านการลงสนามในบอลโลกมา 5 สมัยเหมือนกัน, ตั้งแต่ปี 1982 จนกระทั่งปี 1998 รวมถึงการเป็นกัปตันพาทีมชาติ เยอรมนี ได้แชมป์ในปี 1990

มิโรสลาฟ โคลเซ่ ตามมาเป็นอันดับ 3 ที่ 24 เกมและ เปาโล มัลดินี่ ครองอันดับ 4 หลังผ่านการเล่นฟุตบอลโลกมา 23 นัด

นอกเหนือจากนั้น เมสซี่ ยังทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูได้ในรอบแบ่งกลุ่ม, รอบ 16 ทีมสุดท้าย, รอบก่อนรองชนะเลิศ, รอบรองชนะเลิศและรองชิงชนะเลิศ ภายในบอลโลกทีเดียว

เขายิงจุดลูกโทษให้ “ฟ้าขาว” ออกนำในเกมพบกับ ฝรั่งเศส ยิ่งกว่านั้นยังทำประตูได้สำหรับเพื่อการเจอกับ ออสเตรเลีย, เนเธอร์แลนด์ และ โครเอเชีย ตลอดเส้นทางในรอบน็อคเอาท์

สตาร์ของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยังทำประตูสำหรับการเจอกับ ซาอุดิ อาระเบีย และ เม็กซิโก ตอนเล่นรอบแบ่งกลุ่มด้วย

เมสซี่ ตำนานอาร์เจนติน่า GOAT อาร์เจนติน่า

‘แฟร์นานเดซ’ โดดเด่น คว้าดาวรุ่งยอดเยี่ยมบอลโลก

เอนโซ่ แฟร์นานเดซ ผงาดครอบครองรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 2022 เอาชนะตัวเอกสายโลหิตใหม่อย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม, ออเรลิยอง ชูอาเมนี่ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ

เอนโซ่ แฟร์นานเดซ ได้รับความไว้วางใจให้ยืนเป็นตัวหลักในแผนแดนกึ่งกลางของอาร์เจนติน่าในทัวร์นาเมนต์นี้ ผลงานเสมอต้นเสมอปลายสม่ำเสมอ มีส่วนสำคัญช่วยพาอาร์เจนติน่าสู่ตำแหน่งแชมป์โลกได้ หลังเอาชนะฝรั่งเศส สำหรับเพื่อการดวลจุดโทษ หลังเสมอกันใน 120 นาที 3-3

มิดฟิลด์ วัย 21 ปี จาก เบนฟิก้า ได้รับ เลือก ให้ รับรางวัล ก่อนหน้า เบลลิ่งแฮม ของอังกฤษ, ออเรลิยอง ของประเทศฝรั่งเศส และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เพื่อนร่วมทีมที่ยิงไป 4 ประตู

เอนโซ่ แฟร์นานเดซ ครอบครองรางวัลนี้ตามหลัง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่เคยได้รับในปี 2018, ปอล ป็อกบา (2014), โธมัส มุลเลอร์ (2010) และ ลูคัส โพดอลสกี้ (2006)

นอกจากนี้เพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้เฝ้าประตูยอดเยี่ยม และ ลิโอเนล เมสซี่ เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์

มีเพียง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เพียงคนเดียว เท่านั้น ที่ ไม่ได้ มาจาก ทีมชาติ อาร์เจนติน่า หลังดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส เอารางวัลดาวซัลโวสุงสุด หลังยิงไป 8 ประตู

มาร์ติเนส อาร์เจนติน่า

อยากให้เพื่อนผ่อนคลาย! ‘มาร์ติเนซ’ เฉลยสาเหตุเต้นตอนเซฟโทษ

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เปิดเผยว่าเขาต้องการที่จะให้เพื่อนร่วมทีมหายตื่นเต้น หลังจากแดนซ์ตอนเซฟจุดลูกโทษได้ระหว่างเกมที่อาร์เจนติน่า เอาชนะ ประเทศฝรั่งเศส ในศึกฟุตบอลโลก 2022 นัดชิงแชมป์ เมื่อคืนนี้ที่ผ่านมา

มาร์ติเนซ จัดไป 2 เซฟในการดวลจุดโทษ หลังจากเท่ากัน 3-3 ในเวลา 120 นาที ก่อนที่อาร์เจนติน่า ชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 ในเกมลูซาอิล สเตเดี้ยม

นายด่านแอสตัน วิลล่า ฉลองเซฟจุดลูกโทษด้วยท่าเต้นสุดกวน อย่างไรก็ตามเขาเผยออกมาว่าทำไปเพื่อเพื่อนร่วมทีมมีความมั่นใจเท่านั้น

มาร์ติเนซ กล่าวว่า “ผมได้ทำในสิ่งที่ฝันถึง มันเป็นช่วงเวลาที่ผมต้องให้เพื่อนร่วมทีมรู้สึกผ่อนคลาย”

” ผม น่าจะ เซฟ ไว้ ได้ (จุดโทษของเอ็มบาปเป้) เช่นกัน , ผม พุ่ง ได้ แย่ แต่ ผม ก็ ทำ ทุกอย่าง ถูกต้อง แล้ว “

“ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ผมใจเย็นระหว่างดวลจุดโทษ และทุกอย่างเป็นไปตามที่เราต้องการ”

“ทุกสิ่งที่ผมฝันไว้สำเร็จแล้ว”

ทั้งนี้ มาร์ติเนซ ถูกเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ประจำศึกฟุตบอลโลก 2022 โดยเก็บคลีนชีทได้ 3 จากทั้งหมด 7 นัด เสียไป 8 ประตู

อาร์เจนติน่า บอลโลก 2022

อาร์เจนติน่า สมบูรณ์แบบ! ‘เมสซี่’ รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมบอลโลก

ลีโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า ถูกเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำศึกบอลโลก 2022 รับรางวัลลูกบอลทองคำไปครอง

เมสซี่ ลงเล่นบอลโลกคราวนี้ทั้งหมด 7 นัดแบบครบทุกวินาที ทำผลงาน 7 ประตู 3 แอสซิสต์พร้อมเป็นคนสำคัญช่วยทำให้ “ฟ้าขาว” ได้แชมป์โลกสมัยแรกในรอบ 36 ปี

แข้งวัย 35 ปีพลาดตำแหน่งดาวซัลโวไปเพราะว่ายิงน้อยกว่า คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าฝรั่งเศส 1 ประตู อย่างไรก็ตามฟอร์มของ เมสซี่ ทำให้เขาถูกเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้

เมสซี่ เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ครอบครองรางวัลลูกบอลทองคำได้สองครั้ง หลังจากเคยทำได้ในฟุตบอลโลกปี 2014 ที่ประเทศ บราซิล ซึ่งอาร์เจนติน่า เป็นรองแชมป์

สำหรับอันดับสองของรางวัลนี้ ฟีฟ่า เลือกให้เป็นของ เอ็มบัปเป้ ดาวซัลโวประจำรายการผู้คว้ารองแชมป์กับ “ตราไก่”

ขณะที่ ลูก้า โมดริช จอมทัพแห่ง โครเอเชีย คนที่เป็นเจ้าของรางวัลนี้ในศึกบอลโลกคราวก่อน ตอนนี้ถูกเลือกให้เป็นอันดับสาม

โควิด 19

การระบาดโควิดระลอกใหม่น่ากังวลแค่ไหน

โควิด 19 หากว่าโควิด-19 จะถูกประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. และก็ปรับให้เป็นโรคติดต่อที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง แต่ดูเหมือนสถานการณ์การระบาดกลับน่าวิตกขึ้นมาอีกทีนับตั้งแต่ปลายเดือน เดือนพฤศจิกายน ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ในขณะนี้ ผู้ตายเฉลี่ยรายวัน เพิ่มเป็น 15 คนแล้ว

ข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา กล่าวว่า เหตุการณ์โรคโควิด-19 เมืองไทยยังมีลักษณะท่าทางเพิ่มขึ้น และก็มีคนตายเฉลี่ยยังเพิ่มสูง โดยคนเสียชีวิตทุกรายยังอยู่ในกลุ่ม 608 แล้วก็เกือบทั้งหมดไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว

อย่างไรก็ดี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยออกมาว่า สถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มชะลอตัวลง และระบบสาธารณสุขยังรองรับได้

ฐานข้อมูลย้อนหลังของกระทรวงสาธารณสุขนับจากอาทิตย์ที่ 46 (13-19 เดือนพฤศจิกายน) จำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยทยอยเพิ่มขึ้นจากอาทิตย์ก่อนหน้า จาก 452 คน เป็น 565 คน ตอนที่ยอดคนตายเฉลี่ยก็เพิ่มจาก 6 คน เป็น 9 คน

ในสัปดาห์ที่ 47 (20-26 พ.ย.) ผู้ติดเชื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 702 คน และสัปดาห์ที่ 48 (27 พ.ย.-3 ธ.ค.) ปรับลดลงเป็น 612 คน และสัปดาห์ล่าสุด (4-10 ธ.ค.) ลดลงมาเป็น 566 คน

แต่ในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจน นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 46 จาก 9 คน เพิ่มขึ้นเป็น 10 คน และ 15 คน ตามลำดับ จนตัวเลขชะลอตัวในสัปดาห์ล่าสุดยังคงอยู่ที่ตัวเลขเฉลี่ย 15 คน

โควิด 19 โควิดสายพันธุ์อินเดีย

โควิด 19 สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร

หมอมีชื่อเสียงหลายคนได้มีความเห็นต่อเหตุการณ์การระบาดในขณะนี้ว่า ยังคงน่าจับตาเพราะว่ายังมีความไม่แน่นอน ช่วงเวลาเดียวกันยังใกล้กับช่วงเทศกาลที่มีคนเดินทางแล้วก็จัดงานครึกโครม ซึ่งบางครั้งก็อาจจะส่งผลให้การระบาดเพิ่มสูงขึ้นอีก

รศ.นพ. ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิด-19 โดยประเมินว่า เวลานี้ เหตุการณ์ถือว่า “พีคสูงขึ้นมากยิ่งกว่าระลอกสามในปีที่ผ่านมาของอัลฟาแล้วก็เดลตา แล้วก็… พีคสูสีกับระลอกช่วงครึ่งปีแรก ด้วยเหตุผลดังกล่าว ก็เลยย้ำเสมอว่าไม่ใช่เวฟเล็ก รอบกายมีการติดกันรัว”

นอกจากนี้ รศ.นพ. ธีระ ยังให้ความเห็นว่า ยังนับว่าตอบได้ยาก ว่าความผันผวนจะทวีความรุนแรงมากกว่าปัจจุบันนี้ไหม และก็จะลงช้าเร็วเพียงใด จากการใช้ชีวิตเสรีในหน้าเทศกาล ถ้าไม่ป้องกันภัย

เหตุการณ์โควิด “ศึก” นี้ จะไม่จบสิ้นไปกว่าค่าถัวเฉลี่ยทั้งโลก และก็มีโอกาสยืดไปจนถึงเกิดปะทุตอกย้ำจากสายพันธุ์ย่อยอื่นๆอย่างเช่น BQ.1.1, XBB, CH.1.1 ได้ ก็จะทำให้คล้ายกับระลอกสามที่อัลฟานำมาก่อน รวมทั้งยังไม่ทันลงก็มีเดลตาเข้ามาซ้ำ

การตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ และช่วยกันป้องกันตัวจึงสำคัญมาก

จับตาสายพันธุ์ใหม่จากอินเดีย

ท่ามกลางความรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจของการระบาดในระลอกปัจจุบัน มีคำเตือนจากแพทย์จากโรงหมอวิชัยยุทธถึงความน่าจะเป็นที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากประเทศอินเดียจะเข้ามาระบาดในไทย เช่นเดียวกันกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2563 ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งเจอคราวแรกในประเทศประเทศอินเดีย และก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทันใจและเกิดการระบาดใหญ่ทั่วทั้งโลก และก็ในไทยเมื่อกลางปี พ.ศ.2564

นพ. มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องห้องดูแลผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ คนเจ็บหนัก รวมทั้งโรคคนแก่ ประจำโรงหมอวิชัยยุทธ โพสต์ใจความผ่านเฟซบุ๊กว่า เมืองไทยต้องจับตาเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศอินเดีย เนื่องจากว่าบ่อยครั้งที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ในประเทศอินเดีย หลังต่อจากนั้นอีกไม่นานก็พบการแพร่ระบาดของเชื้อสายชนิดนั้นในประเทศไทย

โควิด 19 วัคซีนตัวใหม่

สำหรับเชื้อไวรัสตัวปัจจุบันที่จะต้องจับตา คือ เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ XBB

ซึ่งเป็นลูกผสมของไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.10.1 กับ BA.2.75 โดยมั่นใจว่าอีกไม่นาน ก็จะแทนที่สายพันธุ์ BA.2.75 ในประเทศประเทศอินเดีย

“ประเทศไทยเตรียมตัวได้เลยว่า หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75 อีกไม่นานก็จะมีสายพันธุ์ XBB แพร่ระบาดเหมือนประเทศอินเดีย” เพราะสายพันธุ์ใหม่นี้ติดต่อกันง่ายกว่าสายพันธุ์เดิม และหลบหลีกภูมิคุ้มกันไม่ว่าจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อธรรมชาติได้ดีกว่าสายพันธุ์เดิม

นพ. มนูญ ยังระบุอีกว่า เดี๋ยวนี้เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ใช้เวลาสั้นกว่าเดิม เพียง 3-4 เดือน ก็เข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิม และก็ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ระลอกใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัส โควิด สายพันธุ์ ใหม่ ๆ ไม่ ได้ ทำให้ คนไข้หนักและเสียชีวิตเสมือนสายพันธุ์เดลตา โดยยิ่งไปกว่านั้นในคนที่ได้รับวัคซีน 4 เข็ม คือได้วัคซีนครบ 2 โดสและและก็ตามด้วยเข็มกระตุ้นอีก 2 เข็ม

จะต้องฉีดวัคซีนอย่างไร วัคซีนแบบใหม่จำเป็นต้องรอนานเพียงใด

แม้ว่าสัญญาณการระบาดในขณะนี้จะเริ่มชะลอตัว แต่ว่าการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานยังมีความสำคัญ เพราะว่าจะสามารถช่วยป้องกันลักษณะการป่วยหนักแล้วก็ลดโอกาสการสูญเสีย

จาก ข้อมูล ของ กรม ควบคุม โรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ประชาชน ควร ได้ รับ วัคซีน อย่าง น้อย 4 เข็ม ส่วน เข็ม ถัดไปควรจะ ฉีด ห่าง กัน ราว 4 เดือน รวมทั้งส่วนวัคซีนรุ่นใหม่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา

ด้าน ศ. นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. เกี่ยวกับ ประสิทธิภาพของวัคซีนแบบใหม่โดยอ้างประกาศของศูนย์ป้องกันรวมทั้งควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี (CDC) เกี่ยวกับสมรรถนะสำหรับในการใช้จริงหนแรก (real world effectiveness data) ของวัคซีนรุ่นใหม่ bivalent mRNA (14 ก.ย.- 11 พ.ย.) แล้วก็รายงานจากนิตยสาร Nature Medicine เมื่อ 6 เดือนธันวาคม รวมทั้งวารสาร Lancet Infectious Disease และ Lancet Microbe ประจำเดือน ธ.ค. ว่า ภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีในเลือดไม่มีผลต่อเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75.2., BQ.1., XBB.1 รวมทั้งสายย่อยอื่นๆซึ่งหมายความว่าป้องกันการรับเชื้อไม่ได้

ที่ผ่านมา CDC และก็ ที่ทำการคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ได้ประกาศแล้วว่าแอนติบอดีที่ใช้ในการรักษาและก็ป้องกัน รวมทั้ง evusheld (แอนติบอดีสำเร็จรูปหรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19) ใช้ไม่ได้กับสายพันธุ์ย่อยใหม่เหล่านี้ ที่เข้ามาแทนที่ตัวเก่า

อย่างไรก็ตาม นพ. ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยเมื่อต้นเดือนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาว่า กรมควบคุมโรค อยู่ระหว่างการปรึกษาหารือและขอคำแนะนำกับคณะผู้ที่มีความเชี่ยวชาญถึงเรื่องประสิทธิผลของวัคซีนแบบใหม่ หรือวัคซีน 2 สายพันธุ์ ซึ่งถ้าเกิดพบว่าผลการศึกษาเรียนรู้สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 อย่างชัดเจน ก็จะรีบดำเนินการจัดหามาให้บริการประชาชนในปีหน้า

แฮร์รีและเมแกน ยิงโฆษณาใหม่

‘แฮร์รีและเมแกน’ ยิงโฆษณาใหม่แนวละครชีวิตครอบครัว มุ่งถล่มเป็นรายตัวตามใจคนดูสุดๆ

อีกสองสามวัน 3 เอพพิโซดสุดท้ายของซีรีส์สารคดี “แฮร์รีและเมแกน” ของเน็ตฟลิกซ์ก็จะพร้อมให้คุณผู้ชมเสียเงินไปสตรีมมาดูมาชมกันในวันพฤหัสบดีที่ 15 เดือนธันวาคม 2022

ของร้อนอย่างงี้ ต้องรีบยั่วน้ำลายท่านผู้ชม ดังนั้น เทรลเลอร์กระตุ้นต่อมอยากก็เลยถูกส่งออกมายั่วกิเลสด้วยธีมละครชีวิตครอบครัว ภายใต้เทคนิคคลาสสิก คือ ชงประเด็นขึ้นมา ให้เจ้าชายแฮร์รี ผู้เป็นพระอนุชา ตั้งข้อกล่าวลอยๆ เล่นงานพระเชษฐาฟ้าชายวิลเลียมว่า “พวกเขาแฮปปี้ที่จะโกหกเพื่อป้องป้องพี่ชายผม” เพื่อให้สาธารณชนสงสัยว่า ‘พวกนั้น’ คือใคร และก็เหนือสิ่งอื่นใด ปรินซ์วิลเลียม ทรงมีความลี้ความลับอันใดที่ ‘พวกนั้น’ ต้องช่วยโกหกปกป้องปกปิด

สื่อสารพัดค่าย ทั้งใหญ่และน้อยก็เลยพากันวิเคราะห์ปริศนาว่า ‘พวกนั้น’ ที่เจ้าชาย Haz หรือก็คือเจ้าชายแฮร์รีกล่าวถึงนั้น หมายถึงใคร

“พวกนั้นแฮปปี้ ที่จะโกหก เพื่อปกป้องพี่ชายผม แต่พวกเขาไม่เคยเต็มใจ จะบอกความจริง เพื่อปกป้องพวกผมเลย” เจ้าชาย Haz ทรงตั้งข้อกล่าวหาขึ้นมาลอยๆ แต่ว่าเร้าใจน่าดู ภายในเทรลเลอร์ใหม่ ที่เน็ตฟลิกซ์ปล่อยออกมาโฆษณา ให้ติดตามชม 3 เอพพิโซดสุดท้ายของซีรีส์เรื่อง “แฮร์รีและเมแกน

เทรลเลอร์ดังกล่าวบอกว่า ในครึ่งหลังของซีรีส์นี้ ดัชเชสเมแกนแอนด์ปรินซ์แฮร์รีจะเฉลยคำตอบว่าทำไมพระองค์จึงทรงลาออก จากการร่วมปฏิบัติพระราชกิจ ของสำนักพระราชวังอังกฤษ สื่อค่ายยักษ์อย่างบีบีซีนำเสนออย่างนั้น

ด้านดัชเชสเมแกน ก็มีข้อกล่าวหาว่า “ดิฉันไม่ได้ถูกโยนให้พวกหมาป่า แต่ดิฉันถูกนำไปป้อน เป็นอาหารแก่พวกหมาป่า” ใครคือฝูงหมาป่า ใครคือผู้กระทำต่อดัชเชส ก็เป็นปริศนา ให้ต้องตามไปดูเฉลยคำตอบในวันพฤหัสบดีนี้ เช่นเดียวกัน

โทนของเทรลเลอร์ชิ้นใหม่ นับว่าดุดัน เนื่องจากว่ามีการตั้งข้อกล่าวหา ฟาดใส่อย่างหนักหน่วง ขณะที่ในครึ่งแรกของซีรีส์ แทบจะไม่มีระเบิดทำลายล้างใดๆ ตลอดจนแทบจะไม่มีการแฉเจาะจงไปที่พระราชนิกูลพระองค์ใด ดั่งที่ท่านผู้ชมคาดหวังกัน

ในการนี้ สื่อทั้งหมดวิเคราะห์ในแนวทางว่า “พวกนั้น” อาจจะหมายถึงพระราชวงศ์ หรืออาจจะหมายถึงสื่อมวลชนก็ได้ เว็บไซต์ข่าวสกายนิวส์ชี้ว่า ในเทรลเลอร์บนเว็บไซต์ของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นอันเดียวกัน กับเทรลเลอร์บนทวิตเตอร์ แต่ว่ามีตัวหนังสือ เขียนบรรยายใต้ภาพไว้ชัดเจนว่า

harry and meghan netflix

“สื่ออังกฤษ” แฮปปี้ที่จะโกหกเพื่อปกป้องพี่ชายของผม ขณะที่เสียงพูดของเจ้าชายแฮร์รีกล่าวไว้ลอยๆ แค่ว่า “พวกนั้น”

บีบีซีรายงานว่า มีการติดต่อไปยังเน็ตฟลิกซ์ เพื่อขอทราบเหตุผล ที่มีความแตกต่าง ในเทรลเลอร์อันเดียวกัน แต่ว่านำเสนอแตกต่างกัน

พร้อมนี้ เทรลเลอร์เสนอข้อกล่าวหา ว่ามีการรณรงค์กลั่นแกล้งเจ้าชายแฮร์รีและก็ดัชเชสเมแกน ซึ่งทำให้ทั้งสองรู้สึกไม่ปลอดภัย โดยมีการฉายภาพเจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวว่า

“ในขณะนั้นผมพูดว่าเราต้องออกจากที่นี่ได้แล้ว ผมสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าเราไม่ได้ก้าวออกมาจากประเทศอังกฤษ” โดยช็อตนี้จะอยู่ในครึ่งหลังของซีรีส์ที่จะมีให้ชมในวันพฤหัสบดี บีบีซีรายงานอย่างนั้น

แล้วดัชเชสเมแกนกล่าวถึงความกังวลในเรื่องการรักษาความปลอดภัย จากนั้นคลิปเผยให้เห็นว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงบอกว่าพระองค์และพระชายาอยู่บน “เที่ยวบินสู่อิสรภาพ” ซึ่งก็คือการเดินทางออกจากแรงกดดันในประเทศอังกฤษ

นอกจากนั้น ในเทรลเลอร์ยังนำเสนอคริสโตเฟอร์ บูซี ซึ่งตั้งบริษัทเทคโนโลยีเพื่อศึกษาการกลั่นแกล้งกันบนโซเชียลมีเดีย และมีบทพูดของบุรุษรายนี้ว่า “พวกเขาเร่งคัดเลือกคนเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง”

เทรลเลอร์ฉายภาพเจ้าชาย Haz และก็พระชายามีชีวิตใหม่อันเปี่ยมสุข ภายใต้แสงตะวัน โดยเจ้าชายแฮร์รีทรงบอกว่า “ในการขึ้นหน้าสู่บทใหม่ จำจะต้องเสร็จสิ้นบทแรกให้เรียบร้อยเสียก่อน”

ก่อนหน้านี้ สำนักพระราชวังบัคกิงแฮม ยังไม่มีความเห็นใดๆ ต่อสารคดีซีรีส์เรื่องนี้ ของเน็ตฟลิกซ์ อีกทั้งยังมิได้โต้ตอบ กับเทรลเลอร์ใหม่

ข่าวเมแกนล่าสุด ‘เมแกน’ หิวเงิน ว้อนต์ชีวิต US & สวามีได้เลื่อนขั้น ผลคือซีรีส์แฉ-หนังสือแฉ-ทอล์กโชว์แฉ The Sun ฟันธง

“ความขัดแย้ง” ที่ดยุกและก็ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงมีกับราชวงศ์อังกฤษ ปะทุขึ้นและก็บานปลายเป็นภารกิจการแฉ-ใส่ร้ายพระราชนิกูล มีสาเหตุหลัก จากการที่ดัชเชสเมแกนต้องการสร้างข้ออ้าง ที่จะย้ายถิ่นกลับสู่แวดวงเพื่อนรักเพื่อนเลิฟ ในฮอลลีวู้ด ต้องการเงินก้อนยักษ์ และก็ต้องการกดดัน ให้มีการเลื่อนขั้น ให้เจ้าชายแฮร์รีได้ลำดับรัชทายาทที่สูงขึ้น เสมอกับเจ้าชายวิลเลียม ผู้เป็นพระเชษฐา เดอะซัน สื่อค่ายยักษ์แห่งอังกฤษฟันธง

ในอีก 3 เอพพิโซดของซีรีส์ “แฮร์รีและก็เมแกน” ที่จะปล่อยของให้ได้ชมกันในวันพฤหัสบดีที่ 15 เดือนธันวาคม 2022 ดัชเชสเมแกนจะเล่าถึงความขัดแย้งภายในกิจการราชวงศ์ โดยเดอะซันคาดว่า จะเป็นเรื่องราวความบาดหมางใจ ที่ทั้งสองจะให้ข้อมูลข้างเดียว เพื่อสร้างความเสียหาย แก่เจ้าหญิงเคท กับเจ้าฟ้าชายวิลเลียม

“สี่ดาวเด่นคนดัง” แห่งฟากฟ้าอังกฤษเริ่มมีเหตุแห่งความร้าวฉานบาดหมางและก็แตกหักเมื่อปี 2019 เมื่อเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกน ผละออกจากพระราชมูลนิธิ Royal Foundation และก็ทรงตั้งสำนักงาน ของพระองค์เอง

ก่อนหน้านี้ เจ้าชายแฮร์รีทรงไม่เคยมีความสนพระทัยกับเรื่องการจัดสรรจัดการงบประมาณหรือค่าใช้จ่ายของมูลนิธิ จนกระทั่งพระองค์ทรงมาคบหากับจอมวัตถุนิยม เมแกน มาร์เคิล ซึ่งหมกมุ่นกับ “การเปรียบเทียบคู่ของตน และคู่ของเจ้าชายวิลเลียมกับดัชเชสเคท” เดอะซันรายงานว่าสิ่งนี้เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป

ท้ายที่สุด พระราชวังบัคกิงแฮม ทรงอนุมัติให้ดยุกและก็ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ มีสำนักงานและก็คณะเจ้าหน้าที่เป็นของตนเอง รวมทั้งให้เลือกผู้ที่จะมาปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่สื่อสารองค์กร

กระนั้นก็ตาม ไม่มีอะไรที่จะทำให้ดัชเชสเมแกนรู้สึกพอ เดอะซันรายงานอย่างนั้น และก็กล่าวว่าในเวลาต่อมานักแสดงสาวดาวฮอลลีวู้ดก็เริ่มไม่แฮปปี้และก็ตำหนิติเตียนพระตำหนักฟร็อกมอร์ ซึ่งได้รับพระราชทาน จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และก็เริ่มร้องขอเข้าไปพักอาศัย ในปราสาทวินด์เซอร์

แหล่งข่าวของเดอะซันเล่าว่า “แฮร์รีทรงไม่เคยคิดบ่นหรือกังวลใจกับเรื่องเงินหรือเรื่องสถานภาพภายในพระราชวงศ์ จนกระทั่งมีเมแกน มาร์เคิล เข้ามาเป็นพระชายา”

“ทุกเรื่องทุกสิ่งล้วนที่จะลงมาเป็นเรื่องเงิน สำหรับดัชเชสเมแกน”

“ดัชเชสไม่สามารถเข้าใจได้กับเรื่องลำดับชั้นในสิทธิแห่งการสืบทอดพระราชบัลลังก์”

“ดัชเชสต้องการให้ตนเองและเจ้าชายแฮร์รีได้รับทุกสิ่งทุกอย่างเฉกเช่นเดียวกับที่เจ้าฟ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคททรงได้รับ”

harry and meghan

เรื่องราวใน “แฮร์รีและเมแกน” ฟ้องออกมาจนเห็นได้ชัดว่าแผนใหญ่ที่อยู่ในใจดัชเชสเมแกนเสมอคือ จะเทสหราชอาณาจักรทิ้ง

และก็จะโยกย้ายกลับไปใช้ชีวิต ในสหรัฐฯ โดยคงจะวางแผนกลับแคลิฟอร์เนียเร็วที่สุดนับจากเสร็จพระราชพิธีเสกสมรส ทอม บาวเออร์ นักข่าวคนดังและก็นักเขียนเรื่องราวราชวงศ์อังกฤษและก็บุคคลที่โด่งดังระดับโลกจำนวนมาก ให้สัมภาษณ์อย่างนั้นแก่เดอะซัน

“ผมไม่คิดว่าสองพระองค์นี้ทรงตั้งพระทัยที่จะปักหลักอยู่ในอังกฤษ และดัชเชสเมแกนกับทีมที่ปรึกษาต่างคิดสร้างหนทางจะตีจากลอนดอนและกลับไปแคลิฟอร์เนีย” ทอม บาวเออร์วิเคราะห์ พร้อมเสริมว่า

การลงนั่งสนทนาและก็แฉเรื่องราว ของพระราชสำนักอังกฤษ ให้กับโอปราห์ วินฟรีย์ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเท็จจริงหรือไม่เพียงใด ตลอดจนแฉให้กับข้อตกลงธุรกิจ หลายสิบล้านปอนด์ ที่ทำกับเน็ตฟลิกซ์และก็สปอติฟายนั้น “ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนตีจาก”

เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสองพระองค์ ทรงอ้างว่า การถูกคุกคาม ความเป็นส่วนตัว จากสื่อมวลชน ทำให้ชีวิตไม่ปลอดภัย ในประเทศอังกฤษ และก็จึงต้องปกป้องครอบครัว ด้วยสองมาตรการ คือ การลาออก จากการปฏิบัติพระราชภารกิจ ของพระราชสำนัก เพื่อจะไม่รับงบค่าใช้จ่าย จากเงินภาษี เพราะฉะนั้น สื่อมวลชนก็จะหมดข้ออ้าง ที่จะละลาบละล้วงขุดเจาะข้อมูลและก็ภาพนำไปทำข่าวที่รบกวนพระทัย พร้อมกันนั้นก็ทำการโยกย้าย ออกจากอังกฤษ ไปอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ให้ปลอดภัยจากสื่อมวลชน

เจ้าชายแฮร์รี่ ล่าสุด แต่ว่าทอม บาวเออร์ มีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่ามันไม่เป็นอย่างนั้น โดยเล่าว่า

“ขณะที่อยู่ภายในลอนดอน ทั้งสองเสด็จไปโรงละคร ทรงเดินเล่นในสวนสวยของพระราชวังเคนซิงตัน ทรงไปช็อปปิ้งและเสวยตามภัตตาคารทั่วไป ไม่มีใครเข้าไปรบกวนรังควาญพระองค์ สองพระองค์ทรงบอกว่า ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยพวกช่างภาพแอบถ่าย แต่ที่จริงแล้ว ไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงชีวิตของพระองค์

“ดัชเชสเมแกนอ้างว่าความสัมพันธ์กับเจ้าชายแฮร์รีในช่วงต้นกลายเป็นข่าว เพราะสื่อแท็บลอยด์เข้าไปล่วงละเมิด แต่กระนั้นก็ตาม ดัชเชสและเจ้าชายก็ไปเตร็ดเตร่ ที่โซโหเฮาส์ ด้วยความตั้งใจจะให้ผู้คนทราบว่าทรงคบหาดูใจกันอยู่ เพราะตอนนั้นทรงเตรียมจะหมั้นหมายกันแล้ว” ทอม บาวเออร์ให้สัมภาษณ์แก่เดอะซัน

ทอม บาวเออร์วิจารณ์ถึงด้านของพระโอรสและพระธิดาด้วย โดยชี้ว่าสองพระองค์ทรงอ้างไว้ในสารคดีซีรีส์ “แฮร์รีและเมแกน” ว่าทรงไม่สามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของพระหน่อนาถได้ และจึงส่งผลให้ต้องตัดสินพระทัยโยกย้ายออกจากอังกฤษ

“ทั้งสองทรงร้องทุกข์ว่าทรงไม่ต้องการให้พระหน่อนาถปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน แต่กระนั้น ก็มีการนำภาพของคุณอาร์ชีขึ้นไปอวดแก่สาธารณชนไม่ได้หยุดหย่อน รวมทั้งภาพมากมายในซีรีส์”

(ที่มา: เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ เน็ตฟลิกซ์ เอพี รอยเตอร์ หนังสือเรื่อง Revenge: Meghan, Harry and the War between the Windsors)

ภาพชัดยิงสู้ โจรปล้นทอง

ภาพชัดยิงสู้! ทนายเกิดผล ชี้ปม เจ้าของร้าน ยิงโจรปล้นทอง เชื่อตายฟรี

ภาพชัดยิงสู้! ทนายเกิดผล ยกข้อ กม. วิเคราะห์ปม เจ้าของร้าน ยิง โจรปล้นทอง เชื่อตายฟรี หลังตอนแรกคิดว่า น่าจะเป็นการป้องกันตัว เกินกว่าเหตุ

กรณี 4 คนร้าย ถือปืนบุก ปล้นร้านทองเยาวราช ในพื้นที่ ถนนท่าเรือ อ.เมือง จังหวัด ตาก ตรงกันข้ามกับโรงเรียนตากพิทยาคม ก่อนถูกเจ้าของร้านยิงสวนออกมา ทำให้ คนร้าย 1 รายบาดเจ็บอย่างรุนแรง และก็โดนจับกุมได้ 1 ราย ส่วนอีก 2 ราย หลบหนีไปได้นั้น

ต่อมามีการโต้เถียงถึงประเด็น ด้านข้อกำหนดกฎหมายว่า การยิงปืนเข้าใส่ กลุ่มคนร้าย โดยเจ้าของร้าน ถือเป็นการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุหรือไม่

โดย ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง ให้ความเห็น ด้านข้อกำหนดกฎหมายว่า ถ้าหากคนร้ายอยู่ระหว่างที่วิ่งหนี ในช่วงเวลาที่เรายิงสวนออกไปนั้น เมื่อคนร้ายวิ่งหนีแปลว่าภัยหมดแล้ว หากเราอยู่เฉยๆ ไม่มีภัยมาถึงเราแล้ว การที่จะไปยิงซ้ำ ตามล่าคนร้าย ที่ยังไม่ได้เอาทองคำไป (หากเอาไป ถือได้ว่าเป็นการป้องกันเอาทรัพย์สิน ของเราคืนมาได้) แล้วเรายิงซ้ำกระสุน เข้าด้านหลัง มีคำพิพากษาศาลฎีกา อยู่หลายคดี ที่กล่าวว่าเป็นการป้องกันตัว เกินกว่าเหตุ เพราะว่าหากภัยหมดแล้ว เราจะป้องกันตัวอย่างนั้นไม่ได้ และก็เสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี ว่าป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ

ขณะเดียวกัน ทนายเกิดผล แก้วเกิด อีกหนึ่งทนายความชื่อดัง ให้ความเห็น ผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า #ปล้นร้านทอง คนร้ายหนีไปแล้ว ถือว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายสิ้นไปแล้ว เจ้าของร้านทองคำ ยิงคนร้ายตาย ตามกฎหมาย จะต้องรับผิดหรือไม่ เพราะเหตุใด ⁉

การยิงคนร้ายที่กำลังหนี โดยคนร้ายไม่ได้ต่อสู้ อ้างป้องกันไม่ได้ เพราะว่าเหตุ ภยันตราย อันละเมิดต่อกฎหมาย ได้ระงับสิ้นไปแล้ว แม้แต่อ้าง ป้องกันเกินกว่าเหตุ ก็ไม่อาจอ้างได้

โจรบุกปล้นร้านทอง

โดยยกคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533

เมื่อพิเคราะห์ลักษณะบาดแผลที่ #โจทก์ร่วมถูกยิงด้านหลัง #แสดงว่าโจทก์ร่วมถูกยิงขณะกำลังวิ่งหนีออกจากบริเวณบ้านของนายมะพลับ การที่โจทก์ร่วมเข้าไปในบริเวณบ้านของนายมะพลับในเวลากลางคืน โดยไม่มีเหตุสมควร อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย #แต่เมื่อจำเลยมาพบโจทก์ร่วมก็ได้วิ่งหนีออกมาเหตุละเมิดดังกล่าวจึงหมดไปแล้ว

เพราะว่าภยันตรายดังกล่าวพ้นไปแล้ว จำเลยน่าจะใช้วิธีอื่น เพื่อจับกุมตัวโจทก์ร่วม มาดำเนินคดีเท่านั้น การที่จำเลย ใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหลัง ในช่วงเวลาที่โจทก์ร่วมกำลังวิ่งหนี จึงไม่ใช่เป็นการกระทำ เพื่อป้องกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 การที่จำเลยใช้อาวุธปืน ยิงโจทก์ร่วม จำเลยย่อมเล็งเห็นผลการกระทำนั้นว่า ถ้าหากกระสุนปืนไปถูกโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เพราะเป็นอาวุธที่ร้ายแรง

เมื่อการกระทำนั้น ไม่บรรลุผลเพราะว่ากระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญแล้วก็แพทย์ทำการรักษาโจทก์ร่วมได้ทัน โจทก์ร่วมจึงไม่ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , 80 แล้วก็ ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลดโทษให้จำเลย หนึ่งในสามนั้นเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

ข่าวปล่นร้านทองล่าสุด อย่างไรก็ดีต่อมา ทนายรัชพล ศิริสาคร โพสต์ข้อความหลังจากได้ดูภาพเหตุการณ์ โดยเป็นภาพที่คนร้ายกำลังเล็งปืน มาทางเจ้าของร้านทองคำ โดยกล่าวว่า หากมีภาพชัดขนาดนี้ ว่า คนร้ายบางคน ใช้อาวุธยิงต่อสู้เจ้าของร้านทองคำ ถือว่า ภยันตรายอันละเมิด ต่อกฎหมายยังมีอยู่ เจ้าของร้านยิงป้องกันได้ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุครับ คนร้ายตายฟรี ครับ

ข่าวปล้นร้านทอง

รายละเอียดเหตุการณ์ โจรปล้นทอง เจ้าของใจเด็ดคว้าลูกซองยิงโคม่า ตามรวบได้ 1

สุดอุกอาจ! 4 คนร้ายพร้อมปืน บุกปล้นร้านทองคำ ยิงประตูแตก ใช้เครื่องเจียรตัดเหล็ก เจ้าของใจเด็ดคว้าลูกซองยิง โจรปล้นทอง โคม่า ตร.ตามรวบได้ 1

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 ธ.ค.65 ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีการยิงกัน ที่หน้าร้านทองคำ หน้าโรงเรียนตากพิทยาคม อ.เมือง จังหวัดตาก จากนั้น พันตำรวจเอกไพฑูรย์ สุขุมวัฒนะ รอง ผบก.ภ.จว.ตาก, พันตำรวจเอกชูสิทธิ์ วงษ์บุรี รอง ผบก.ภ.จว.ตาก, พันตำรวจเอกสิทธิชัย ยิ้มยวน ผกก.สภ.เมืองตาก นำกำลังเจ้าหน้าที่และก็ชุดสืบสวนรุดไปตรวจสอบ

จุดเกิดเหตุเป็นร้านห้างทองเยาวราช ถนนท่าเรือ อ.เมือง จังหวัด ตาก ตรงกันข้ามกับโรงเรียนตากพิทยาคม พร้อมประสานหน่วยกู้ชีพ โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องด้วยคนร้ายถูกยิงบาดเจ็บอย่างรุนแรง 1 ราย

จากการตรวจสอบพบว่ากระจกด้านหน้าร้าน แตกละเอียด มีคนร้ายบาดเจ็บ ถูกยิงบาดเจ็บนอนคว่ำหน้า ใส่เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาว ถูกเจ้าของร้าน ยิงเข้าที่บริเวณหน้าท้อง เลือดไหลนองเต็มผิวถนน โดยมี นายพิสิฐ ระพิทย์พันธ์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้าน ยืนรอให้การ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ข่าวปล่นร้านทองตาก จากการตรวจสอบภาพที่เอามาจากกล้องวงจรปิดพบว่า มีคนร้าย 4 คน ขี่รถจยย.มา 2 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สวมเสื้อแขนยาว เสื้อแจ็คเก็ตคลุม ใส่หน้ากากอนามัยและก็สวมหมวกปิดบังบริเวณใบหน้า เดินเข้ามาหน้าร้าน พร้อมในมือ ถือปืนเก็บเสียง ไม่ทราบขนาด แล้วปืนยิงกระจก แตกกระจาย ก่อนใช้เท้าถีบประตูเข้ามา จากนั้นจึงใช้เครื่องเจียร พยายามตัดลูกกรงเหล็ก แต่ว่าเจ้าของร้าน ได้ใช้อาวุธปืนยิง จนคนร้ายวิ่งกระเจิง แล้วก็ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ในขณะที่ นายพิสิฐ กล่าวว่า ระหว่างเกิดเหตุ เมื่อคนร้ายเข้ามา ตนจึงบอกให้ภรรยาหลบ เข้าไปข้างหลังร้าน แล้วตนจึงไปเอาปืนลูกซองออกมา เพื่อมายิงต่อสู้ ป้องกันตัว โดยยิงไป 1 นัด คนร้ายที่กำลังใช้เครื่องเจียร ตัดเหล็กลูกกรง ที่ใช้ป้องกันคนร้าย มาปล้นทอง เห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีออกจากร้าน ไปที่รถจยย. ตนก็เลยยิงตามไปอีก 4 นัด นัดสุดท้าย ถูกคนร้ายที่พยายามสตาร์ทเครื่องรถจยย.หลบหนี

ระหว่างนั้นคนร้ายที่เหลือ ก็ได้รีบหลบหนี โดยคนร้ายคนที่ 1 ขี่รถจยย. สวมเสื้อแขนยาวกันหนาวสีเขียว ใส่กางเกงยีนส์ คนร้ายคนที่ 2 นั่งซ้อนท้ายรถ จยย.ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ หลบหนีไปทางห้างบิ๊กซี แล้วก็คนร้ายคนที่ 3 สวมเสื้อแขนยาวสีเขียว มีกระเป๋าสีดำสะพายติดตัว วิ่งหลบหนีไปทางสำนักงาน กศน. จังหวัดตาก

หลังรับแจ้งว่ามีเหตุปล้นร้านทองคำ พันตำรวจเอกธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.สส.ภ.จว.ตาก นำกำลังชุดสืบสวน ไปจับกุมตัวได้คนร้ายตามที่ ได้รับรายงานได้ 1 ราย ที่วิ่งไปตามทางหลบหนี แอบอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ส่วนอีก 2 คน เจ้าหน้าที่กำลังแกะรอยติดตาม อย่างกะชั้นชิด ในขณะที่คนร้ายที่ถูกยิงอาการโคม่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล

อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง

อินโดผ่านกฎหมาย ห้ามมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส

อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง รัฐสภาอินโดนีเซียอนุมัติกฎหมายอาญาฉบับใหม่ ที่กำหนดให้การมีเพศสัมพันธ์ นอกสมรสมีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหว ที่เรียกเสียงติชมอย่างมาก  ว่าเป็นกฎหมายที่ริดรอนสิทธิของประชาชน

กฎหมายดังที่กล่าวมาข้างต้น จะบังคับใช้อีกทั้งกับชาวอินโดนีเซีย รวมทั้งชาวต่างชาติ รวมทั้งกฎหมายคุณธรรมอีกหลายฉบับ ที่จะทำให้คู่ควงที่ยังไม่ได้สมรส ที่อยู่ร่วมกัน รวมทั้ง มีเพศสัมพันธ์กัน นับว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายอีกด้วย

คู่สามีภรรยาหรือบิดามารดา สามารถฟ้องร้องในความผิดพลาด ฐานมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสได้ รวมทั้งการกระทำผิดสำหรับการล่วงประเวณีดังที่กล่าวมาข้างต้น จะก่อให้ผู้ทำอาจได้รับโทษจำคุก

กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า กฎหมายดังที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลเสียต่อสิทธิสตรี กลุ่ม LGBT รวมทั้งชนกลุ่มน้อยในประเทศ ทำให้มีผู้คนกลุ่มเล็กๆออกมารวมตัวกันคัดค้าน หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงจาการ์ตา

ประมวลกฎหมายใหม่ดังที่กล่าวมาข้างต้น จะยังไม่มีผลบังคับใช้ ไปจนกว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยกฎหมายที่มีการเปลี่ยนใหม่นี้ยัง รวมทั้ง กฎหมายที่ห้ามการดูหมิ่น ประธานาธิบดี รวมทั้ง การพูดต้านอุดมการณ์ของรัฐ

นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า กฎหมายใหม่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีการระงับสิทธิสำหรับการแสดงออกทางการเมือง รวมทั้งจำกัดความอิสระทางศาสนา

ด้านสมาชิกรัฐสภาอินโดนีเซียกล่าวว่า พวกเขาได้เพิ่มการป้องกันสิทธิเสรีภาพในการพูด รวมทั้ง การคัดค้านที่เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์สาธารณะ

องค์กรฮิวแมนไรท์วอชระบุว่า บทบัญญัติของประมวลกฎหมายใหม่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ของอินโดนีเซีย นับว่าเป็นหายนะด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้ง นับว่าเป็นความแพ้พ่ายครั้งใหญ่ของประเทศ ที่บากบั่นจะแสดงตัว ว่าเป็นชาวมุสลิมสมัยใหม่ที่เป็นระบบประชาธิปไตย

อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง อินโดนีเซีย

 อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง ใครละเมิดต้องติดคุก

ผู้ที่ล่วงล้ำกฎหมายใหม่นี้ แบ่งเป็นผู้ที่มีความเชื่อมโยงทางเพศก่อนสมรส จะต้องโดนจับจับ รวมทั้ง รับโทษจำคุก ซึ่งมีระบุสูงสุดคือ 1 ปี สำหรับคู่ควง  ที่ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกัน โดยไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน หรือมีสถานะเป็นคู่แต่งงาน ตามกฎหมาย จะต้องได้รับโทษจำคุกเช่นกัน แม้กระนั้นมีกำหนดโทษสูงสุดอยู่ที่ 6 เดือน

ตามข้อปฏิบัติของกฎหมายใหม่ บิดามารดาหรือผู้ปกครองของคนไม่มีแฟนที่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่น จะต้องฟ้องร้องต่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ถึงความประพฤติปฏิบัติของลูกของตน แม้กระนั้นในกรณีของบุคคลที่สมรสแล้ว เกิดคบชู้หรือนอกใจ ผู้ที่จะร้องทุกข์ได้ คือคู่แต่งงานเพียงแค่นั้น

ตามรายงานข่าว ได้มีความอุตสาหะที่จะผ่านร่างกฎหมายนี้ มานานกว่าทศวรรษแล้ว แรกเริ่มคาดว่า ร่างแรกของกฎหมายดังที่กล่าวมาข้างต้น จะผ่านมติรัฐสภาใน ปี 2562 แม้กระนั้น ก็เจอกระแสต่อต้าน จากประชาชนจำนวนมาก ในหลายเมืองใหญ่เสียก่อน

เนื้อหาของการปรับแก้กฎหมาย

เรื่องการ แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ดังที่กล่าวมาข้างต้น ที่เป็นข้อถกเถียงร้อนแรง คือ การกำหนดให้การมีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรส รวมทั้ง การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส รวมทั้ง การอาศัยอยู่ร่วมกันของคู่ควงที่ยังไม่สมรส ถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายอาญา

ประมวลกฎหมายใหม่ ยังมีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติที่พำนักพักพิง อยู่ในอินโดนีเซีย รวมทั้งนักเดินทางด้วย

นอกนั้น มาตราที่ถูกปรับแก้ ยังรวมทั้ง การบัญญัติกฎหมายห้ามการเปลี่ยนศาสนา รวมทั้ง บทลงโทษกรณีการพูดดูหมิ่นประธานาธิบดี หรือแสดงความเห็น ที่ขัดกับอุดมคติของประเทศชาติ

ไม่เพียงเพียงแค่นั้น ยังมีการเพิ่มบทลงโทษ กรณีดูหมิ่นศาสนา เป็นอันตรายจำคุก 5 ปีอีกด้วย

อย่างไรก็ดี คณะกรรมาธิการตรวจทานร่างกฎหมายของกระทรวงกฎหมาย รวมทั้ง สิทธิมนุษยชน ชี้ว่า การปรับแก้ กฎหมายคราวนี้ จะช่วยคุ้มครองสถาบันครอบครัว รวมทั้ง ความศักดิ์สิทธิ์ของการสมรส

ไม่เพียงเพียงแค่นั้น ข้อกฎหมาย จะส่งผลก็เมื่อ คู่สามีภรรยา บิดามารดา หรือลูกๆเป็นผู้ฟ้องร้องถึงการกระทำผิด อีกทั้ง มีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรส รวมทั้งนอกสมรส

อินโดห้ามมีเซ็กส์ก่อนแต่ง ประท้วงกฏหมาย

ห้ามมีเซ็กซ์นอกสมรส-อยู่ก่อนแต่ง นักท่องเที่ยวก็โดน

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า รัฐสภาของประเทศอินโดนีเซียเห็นด้วยกฎหมายอาชญากรรมใหม่ในวันอังคารที่ 6 เดือนธันวาคม 2565 ห้ามมีใครก็ช่างมีเพศสัมพันธ์นอกการสมรส มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า กฎหมายนี้จะก่อให้นักเดินทางกลัวจนกระทั่งไม่กล้าเดินทางมา รวมทั้งอาจทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อการลงทุน

ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียมีกฎหมายห้ามมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่ใช่คู่แต่งงานของตนอยู่แล้ว แม้กระนั้นไม่เคยห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างคนที่ยังไม่สมรส โดยกฎหมายใหม่จะส่งผลต่ออีกทั้งชาวอินโดนีเซีย, ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่หรือเดินทางเข้ามาในอินโดนีเซีย รวมทั้งยังห้ามการอยู่ก่อนสมรสระหว่างคู่ควงด้วยถ้าฝ่าฝืนจะต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน แม้กระนั้นกฎหมายฉบับนี้จะยังไม่มีผลเป็นเวลา 3 ปี เพื่อร่างแนวทางการบังคับใช้กฎ

แต่ กฎหมายดังที่กล่าวมาข้างต้นเผชิญเสียงติชมจากหลายฝ่ายว่า ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ เช่นนายเมาลานา ยูสราน รองประธานคณะกรรมการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยวแห่งอินโดนีเซีย กล่าวว่า กฎหมายใหม่นี้เป็นการถ่วงความเจริญอย่างสิ้นเชิง ตอนที่เศรษฐกิจรวมทั้งการท่องเที่ยวกำลังเริ่มฝื้นตัวกลับมาจากการระบาดของโควิด-19

“เราเสียใจอย่างยิ่งที่รัฐบาลปิดตาตัวเอง เราแสดงความกังวลต่อกระทรวงการท่องเที่ยวถึงความอันตรายของกฎหมายนี้ไปแล้ว” นายยูสรานกล่าว

โดยสมาคมการท่องเที่ยวเกาะบาหลีเคยคาดการณ์ไว้ว่า นักท่องเที่ยวจะกลับมาอยู่ระดับก่อนโควิดระบาดที่ 6 ล้านคนภายในปี 2568 ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียยังพยายามดึงดูดกลุ่มคนที่ทำงานผ่านทางออนไลน์ หรือ digital nomad ให้มาเที่ยวในประเทศดด้วยการผ่านคลายกฎวีซ่าด้วย

ด้านนายอัลเบิร์ต แอรีส โฆษกกระทรวงยุติธรรมอินโดนีเซีย กล่าวว่าการบังคับใช้กฎหมายใหม่จะถูกจำกัดโดยผู้ที่สามารถแจ้งความได้ เช่น พ่อแม่, คู่สมรส หรือลูกของผู้ต้องสงสัยกระทำผิด

“จุดประสงค์ของกฎหมายนี้คือการปกป้องสถาบันการแต่งงานและค่านิยมของอินโดนีเซีย ในเดียวกันก็ปกป้องความเป็นส่วนตัวของชุมชนและปฏิเสธสิทธิ์ของสังคมหรือบุคคลที่ 3 ไม่ให้แจ้งความเรื่องนี้หรือ ‘ทำตัวเป็นผู้พิพากษา’ โดยอ้างศีลธรรม” นายแอรีสกล่าว